นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คณะกรรมการร่วมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย (กกร.) ประชุมหารือในวาระการใช้มาตรฐานการบัญชีใหม่ (ไอเอฟอาร์เอส 9) ว่า ที่ประชุมกกบ.มีมติเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ออกไปอีก 1 ปี โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2563 จากเดิมที่กำหนดบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2562 โดยประเมินว่ามีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกับการใช้กฎหมายใหม่นี้ ประมาณ 700-800 บริษัท เช่น บริษัทจดทะเบียน บริษัทประกัน กองทุนต่างๆ รวมถึงธนาคาพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประมาณ 700-800 บริษัท
“บริษัทที่ถูกบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ส่วนใหญ่มีความพร้อมอยู่แล้ว เนื่องจากเตรียมการมาหลายปี เช่น มีการตั้งสำรองเงิน เพราะฉะนั้นบริษัทไหนที่มีความพร้อมสามารถใช้ไอเอฟอาร์เอส 9 ได้ก่อนในเดือนมกราคม 2562 ทั้งนี้ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานในกกบ.เขียนแผนรายละเอียดกลับมาภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ เพื่อเตรียมข้อสรุปและรายละเอียดของกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี หรือก่อนที่จะประกาศราชกิจจานุเบกษาในอีกประมาณ 5-6 เดือนข้างหน้า” นางนันทวัลย์กล่าว
นางนันทวัลย์กล่าวว่า การเลื่อนบังคับใช้ไอเอฟอาร์เอส 9 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น เนื่องจากการทำบัญชีมีความชัดเจนและโปร่งใสขึ้น ส่วนข้อกังวลว่าหากมีการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นหรือไม่ ทางธปท.ยืนยันแล้วว่าการปล่อยสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย และผลการศึกษาในอดีตพบว่าการปล่อยสินเชื่อสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจมากกว่าการตั้งสำรองของธนาคาร
