เฉลียงไอเดีย : เปิดเบื้องหลังความคิด สุธิดา มงคลสุธี ต่อยอดธุรกิจ SYNEX จากดิสทริบิวเตอร์ สู่‘เซอร์วิส คอมปะนี’

“ความท้าทายด้านดิจิทัลเป็นความท้าทายใหญ่สำหรับทุกอุตสาหกรรม เพราะกำลังเผชิญกับสิ่งที่ไม่มีประวัติมาก่อน ดิจิทัลมาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนไปหมดเลย องค์กรทุกองค์กรแทบจะต้องโดนดิสรัปชั่น เพราะพฤติกรรมคนเปลี่ยน การรอคอยของคนมีจำกัด เพราะฉะนั้น อยู่ที่ว่าเราจะแคปเจอร์อย่างไร จะอยู่ในใจผู้บริโภคได้อย่างไร ในวันที่ทุกคนก็พยายามจะอยู่ในใจผู้บริโภคเช่นกัน”

วาทะของคุณ ยี้-สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในวันที่มานั่งพูดคุยกันเรื่องการบริหารงาน เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

ซินเน็ค ผู้ค้าส่งสินค้าไอทีเบอร์หนึ่ง เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี โดยสินค้าของซินเน็ค อยู่รอบๆ ตัวเราทุกคน ซึ่งคุณยี้ เล่าให้ฟังว่า “ซินเน็คโตต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในปีหลังๆ ทำนิวไฮต่อเนื่อง อย่างเช่นในปี 2560 รายได้โตกว่า 30% หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรโตมากกว่ารายได้หรือประมาณ 50% ฉะนั้นปี 2561 ตั้งเป้าเติบโตเช่นกัน หรือต้องบอกว่าจะเป็น another new high ของซินเน็คเอง”

ซึ่งทางผู้บริหารย้ำอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะขยายความต่อว่าภาพของซินเน็ค คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ผู้บริโภคซื้อของอยู่แล้ว แต่ไม่เคยมาซื้อสินค้าที่หน้าร้านซินเน็ค ก็เลยมีทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จัก ทางบริษัทจึงปรับโลโก้จากสีเงินธรรมดาๆ เป็น “Trusted by Synex” เพื่อให้สะดุดตามากขึ้น โดยอยู่บนแนวคิดว่าทำไมผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าซินเน็ค ทำไมไม่หิ้วสินค้าจากต่างประเทศ สิ่งนี้คือสิ่งที่เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้สินค้าที่เหมือนๆ กัน เกิดความแตกต่าง

Advertisement

ในปี 2561 ทางบริษัทจึงหันมารุกการให้บริการหรือส่วนหน้าบ้านมากขึ้น จุดนี้คุณยี้อธิบายว่า “ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าหากทำสินค้าตกสามารถนำมาซ่อมได้ทันที เราจึงพัฒนาระบบให้บริการ ซึ่งยี้บอกกับทีมว่าเราเป็นเซอร์วิส คอมปะนี ไม่ใช่ดิสทริบิวเตอร์อีกต่อไป เราจะให้บริการขายสินค้าและจัดส่งถึงที่ โดยเน้นย้ำกับพนักงานอยู่เสมอว่าทุกคนต้องมีเซอร์วิส มายด์ในการให้บริการ รวมถึงการแตกไลน์ธุรกิจบริหารคลังสินค้า อำนวยความสะดวกให้กับพาร์ตเนอร์ เวนเดอร์และดีลเลอร์ โดยใช้ทรัสต์หรือความน่าเชื่อถือเป็นตัวยืน”

“Behind the Scene ที่เราพยายามปรับปรุง โดยเล่นกับคำว่า Trusted by Synex ซึ่งจะต้องเริ่มต้นจากการทำงานเป็นทีมเวิร์กก่อน ต้องไว้ใจทีมและนำองค์กรเดินหน้าไปด้วยกัน โดยยี้พยายามแชร์กับพนักงานว่า เราต้องมี Can do attitude ขึ้นอยู่กับมายด์เซตของเรา ทุกอย่างมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งหมด เพียงแต่เราต้องพยายามมองหาโอกาสให้เจอ”

Advertisement

ส่วนเบื้องหลังการทรานฟอร์มธุรกิจจากนิยามบริษัทค้าส่ง มาเป็นบริษัทที่ให้บริการครบวงจร คุณยี้เล่าว่า ก็เพราะการให้บริการเป็นซับเซตขอดิสทริบิวเตอร์ เราจึงปรับแบรนด์และขยายธุรกิจ โดยพัฒนาพนักงานในองค์กรไปพร้อมๆ กันด้วย

โดยบริษัท ซินเน็ค เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกหลากหลายประเภท มากกว่า 50 ตราสินค้า มีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการไอที ร้านค้าปลีก ค้าส่งทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ผู้วางระบบเครือข่าย ระบบปฏิบัติการ ร้านค้าอุปกรณ์เครื่องเขียน และอื่นๆ รวมกว่า 5,000 ราย มีศูนย์บริการของบริษัท 11 แห่ง และ Synnex Service Partner ร้านค้าไอทีที่ได้รับการแต่งตั้งจากซินเน็ค เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้งานด้านบริการหลังการขายภายใต้การรับประกันจากซินเน็ค 60 แห่งทั่วประเทศ

ซึ่งการใช้ดิจิทัลเข้ามาพัฒนาการให้บริการ ต้องเริ่มจากพนักงานในองค์กร คนที่ทำงานหลังบ้านทุกคน สามารถออกไปพบลูกค้า หรือทำงานบริการได้ นี่คือภาพใหม่ที่ผู้บริหารซินเน็ควางภาพไว้ โดยการใช้ข้อมูลจากบิ๊กดาต้า

“การพัฒนาคนเป็นเรื่องสำคัญ ทางบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เยอะพอสมควร ที่ผ่านมาจึงพยายามจัดคอร์สอบรมพนักงาน ยิ่งเมื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกๆ อุตสาหกรรม เรามีบริการฮาร์ดแวร์ในด้านที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟอยู่แล้ว ทำไมเราไม่พัฒนาการให้บริการล่ะ จึงมีแคมเปญ ‘ดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น’ ขึ้น โดยให้แต่ละแผนกนำดิจิทัลหรือไอทีมาใช้ ซึ่งเพิ่งเริ่มแคมเปญไป เมื่อเดือนที่ผ่านมา”

คุณยี้บอกว่า “มองว่าเมื่อองค์กรใดก็ตามถูกดิสรัปชั่นแล้วตายไป เพราะมีธุรกิจอื่นเข้ามา แล้วทำไมเราไม่ดิสรัปชั่นตัวเองไปเลย ในเมื่อเราอยู่ในองค์กรนั้น ทำไมไม่ให้ฝ่ายไอทีเขียนโปรแกรม หรือลดงานประจำแล้วนำไอทีเข้ามาใช้ เพราะเขาอยู่หน้างาน รู้จักตัวเองดีที่สุดอยู่แล้ว ก็น่าจะพัฒนาสกิลให้มากขึ้น ทำให้ทำงานสนุกขึ้นด้วย”

สอดคล้องกับแรงบันดาลใจการทำธุรกิจของคุณยี้ ที่ว่า “เป็นคนสนุกกับงานที่ทำ และอยู่ในธุรกิจที่ไดนามิกดี ธุรกิจเป็นเทคโนโลยีจึงต้องคอยอัพเดตตลอดเวลา มีความเปลี่ยนแปลง มีโอกาสที่ได้เดินทางไปเจออะไรใหม่ๆ ที่สำคัญคือการบริหาร จะทำอย่างไรให้องค์กรเดินหน้าไปด้วยกัน ยิ่งเป็นบริษัทใหญ่ถามว่าการทรานฟอร์มจะช้าหรือไม่ ต้องบอกว่ามันท้าทายมากกว่า”

ซึ่งนอกจากการปรับแบรนด์แล้ว คุณยี้เล่าต่อว่า ตอนนี้ขยายธุรกิจสินเชื่อบัฟผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ โดยเข้าไปถือหุ้นอยู่ 27% เพื่อให้บริการด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าที่เรารู้จักข้อมูลดีอยู่แล้วไม่แพ้ธนาคาร ซึ่งเตรียมจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วย นอกจากนี้ มองหาโอกาสในธุรกิจเกมมิ่ง เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก และที่ผ่านมาเคยทำเรื่องฮาร์ดแวร์เกมเล็กๆ อยู่แล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ

ต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ 9 ประเภท ได้แก่ อุปกรณ์ชิ้นส่วน เช่น ซีพียู ฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ ผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุสิ้นเปลือง เช่น หมึกพิมพ์ อุปกรณ์เพื่อการพิมพ์ อุปกรณ์แสดงภาพผลข้อมูล อุปกรณ์มัลติมีเดีย ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบเน็ตเวิร์ก ชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเบ็ดเสร็จ และอุปกรณ์การสื่อสาร

พรพินันท์ จันทอุดม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image