แม้จะเข้ามาทำตลาดในไทยไม่นาน แต่แบรนด์เอ็มจี ก็ทำผลงานได้ดี อย่าง MG3 ที่ทำยอดขายได้ถึง 17,000 คัน จุดขายคือใส่ออปชั่นมาเต็มล่าสุดเอ็มจีประกาศเปิดตัว ออล นิว เอ็มจี3 (ALL NEW MG3) แฮตช์แบ๊กหลากสีสัน ที่มาพร้อมนิยามใหม่ วีอาร์ฟัน “WE ARE FUN” : มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง เพื่อหวังกระตุ้นยอดขาย ทำตลาด 4 รุ่นย่อย รุ่น C ราคา 519,000 บาท, D ราคา 549,000 บาท, X ราคา 589,000 บาท และ V 629,000 บาท ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ชัด จนเอ็มจีต้องใช้คำว่า ออลนิว (All New) สังเกตแบบคร่าวๆ คือเรื่องหน้าตาที่ดูหล่อขึ้น ลวดลายเส้นสายภายนอกคมชัด ส่วนเครื่องยนต์ก็มีการปรับใหม่ แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 112 แรงม้า จากเดิมที่ 106 แรงม้า เช่นเดียวกับเกียร์ จากเดิมเป็นเกียร์ SeleMatic อัตโนมัติ 5 สปีด เปลี่ยนมาเป็นเกียร์ อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม เมนวล โหมด (Manual Mode)
แน่นอน เอ็มจียังคงรักษามาตรฐาน นำระบบรักษาความปลอดภัยจัดมาให้ครบ รวมถึงจุดเด่นจุดขายของมันคือซันรูฟ และ ไอ สมาร์ท (i-Smart) เข้ามาใส่ในรถรุ่นนี้ด้วย โดยตั้งเป้ายอดจัดจำหน่ายที่ 10,000 คันภายในปีนี้
ดีไซน์ภายนอกค่อนข้างสวยงามกว่าเดิม ให้ไฟโปรเจ็กเตอร์มาตั้งแต่รุ่นล่างสุด ส่วนไฮไลต์คือ ซันรูฟ จะได้มาในรุ่น X และ รุ่น V ตัวรถยาว 4,055 มม. กว้าง 1,729 มม. สูง 1,516 มม. ระยะช่วงล้อ 2,520 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า 1,496 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หลัง 1,483 มม. แทบจะไม่ต่างจากตัวเดิมมาก ส่วนน้ำหนัก 1,190 กิโลกรัม เบากว่า MG ZS ที่หนัก 1,258 กิโลกรัม อยู่ 68 กิโลกรัม
ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (BRIT DYNAMIC) กระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้ายแนวตั้งแบบแอลอีดี ไลต์ไกด์ (LED Light Guide) พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลัง มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น V)
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทางสีสันของเบาะเป็นลายโมเดิร์นกราฟิก ส่วนเบาะที่นั่งหลังสามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของ ด้านระบบปรับอากาศ เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ยกเว้นรุ่น C) โดยมี ช่องแอร์ออกแบบสไตล์เจ็ท เทอร์ไบน์ ดูสปอร์ต ใช้งานง่าย
ขณะที่ พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น (เฉพาะรุ่น X และ V) หุ้มหนังมาให้ มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครุยส์ คอนโทรล (Cruise Control) (เฉพาะรุ่น V) ใช้งานง่าย
ส่วนหน้าจอ เป็นหน้าจอแบบสีระบบสัมผัส 8 นิ้ว (เฉพาะรุ่น X และ V) ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ มาพร้อม เทคโนโลยี i-SMART ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่เชื่อมกับอินเตอร์เน็ตและระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ทั้งยังสามารถรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญและแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม
MG3 ใหม่ ยังการเพิ่มประสิทธิภาพของ i-SMART แบบเอาใจวัยรุ่น ด้วยการอัพเดตฟังก์ชั่นใหม่บนแผนที่นำทาง ใส่ฟังก์ชั่นการใช้งาน WONGNAI สำหรับเสิร์ชหาร้านอาหาร ฟังก์ชั่นใช้งาน AGODA เพื่อค้นหาโรงแรม รวมทั้งฟังก์ชั่นใช้งาน Online Music ในรูปแบบ Live Stream บนระบบคลาวด์ได้กว่า 1 ล้านเพลง การใช้งานก็ง่าย แค่พูด “ฮัลโหล เอ็มจี” (Hello MG) เป็นอันเริ่มต้นการใช้งาน
เครื่องยนต์ของ MG3 ใหม่ เป็นเครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1498 ซีซี VTi-
TECH จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ ปรับจูนใหม่ให้ได้แรงม้าเพิ่ม เป็น 112 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ส่วนระบบกำลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode
ระบบช่วงล่างของรถ ระบบ ยูโรเปี้ยน จูนนิ่ง ซัสเพนชั่น (EUROPEAN TUNING SUSPENSION) ด้านหน้ามาในรูปแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม มาพร้อมระบบเบรกด้านหน้า
ส่วนระบบความปลอดภัย จัดเต็ม รวม 8 ฟังก์ชั่น ทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมการทรงตัว หรือ SCS ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล หรือ TCS ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน หรือ HAS และ ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน หรือ MSR
เป็นเรื่องที่ดีในรถราคา 5-6 แสน แต่ได้ความปลอดภัยแบบนี้มา ถือเป็นการสร้างมาตรฐานที่ดี เอ็มจี ระบุว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อก็จะได้ใช้ระบบอัจฉริยะ i-SMART ฟรี 5 ปี ตัวรถรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
ถามว่ารถคันนี้เหมาะกับใคร? ก็น่าจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ชอบเรื่องเทคโนโลยี ที่ใช้งานง่าย อย่าง i-SMART และชอบออปชั่น
อย่างซันรูฟ ซึ่งได้มาในรถราคาระดับ 5-6 แสนบาท และได้เครื่อง 1500 ซีซี ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับผู้ที่สนใจ อย่าลืมไปลองขับขี่ดูก่อนหละ
อาร์ม สามย่าน
