นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ธนาคารพาณิชย์มีการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้มีการธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และประกอบกับช่วงสิ้นเดือนแต่ละเดือนจะเป็นช่วงที่มีการธุรกรรมจำนวนมาก ทำให้มีธุรกรรมของบางสถาบันการเงินติดค้างในระบบส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมโดยรวม แต่ขณะนี้ได้แก้ปัญหาแล้วและได้กำกับให้สถาบันการเงินที่มีปัญหามีการเพิ่มความจุในการทำธุรกรรมให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงที่สถาบันการเงินต่าง ๆ มีการยกระดับและกลไกของโมบายแบงก์กิ้งใหม่ มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่รองรับการให้บริการอาจจะมีบางช่วงที่ทำให้ระบบอาจจะสะดุดได้ ซึ่งธปท. จะติดตามสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อให้พัฒนาระบบเท่าทันรองรับการทำธุรกรรมของประชาชน
“ระบบล่มในช่วงเช้าวันนี้ไม่ใช่ปัญหาของระบบกลาง(ไอทีเอ็มเอ็กซ์) แต่ประตู(เกตเวย์) ในการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินนั้นแคบ ทำให้เมื่อมีธุรกรรมเข้ามามาก ธุรกรรมที่จะไปยังสถาบันการเงินอื่นค้างในระบบจนเป็นคอขวดส่งผลกระทบให้ระบบการทำธุรกรรมล่าช้าและส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินอื่น ซึ่ง ธปท. ได้กำชับให้สถาบันการเงินมที่มีปัญหามีแผนรองรับและการทำธุรกรรมในช่วงสิ้นเดือนหน้า หวังว่าจะดีขึ้น” นายวิรไท กล่าว
