‘กฤษฎา’ นำร่องปลูกข้าวโพดหลังทำนา ที่อุตรดิตถ์ รายได้อัพกว่าปลูกข้าวไร่ละ 2 พัน บ.

เมื่อวันที่ 3 กันยายน นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไป ต.บ้านหม้อ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาโดยตั้งเป้าเดือนพฤศจิกายน เริ่มต้นที่ 2 ล้านไร่ นำร่องใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาดูแลตั้งแต่ 1.การเพาะปลูก ช่วยในเรื่องการไถ การพรวนดิน การเก็บเกี่ยว หากสมาชิกไม่มีเครื่องมือ เครื่องจักร สหกรณ์หาผู้รับจ้างมาทำรวมๆ กันเพื่อลดต้นทุน 2.การรับซื้อ สหกรณ์จะรับซื้อจากสมาชิกแล้วกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะช่วยหาคนมาซื้อต่อจากสหกรณ์

นายกฤษฎากล่าวว่า รัฐจะเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ, ติดต่อผู้ซื้อ ,ราคาที่สมเหตุสมผล และประกันพืชผล และกระทรวงเกษตรฯจะสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้สมาชิกไปลงทุนรายละไม่เกิน 3,000 บาทต่อไร่ โดยเป็นเงินก้อนให้สหกรณ์กู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี กรมชลประทานจะดูแลเรื่องน้ำ และจะมีเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล เกษตรอำเภอ มาช่วยดูแลในการปลูกข้าวโพด

“พื้นที่เข้าร่วมโครงการเบื้องต้นมี 5,000 ไร่จะได้ข้าวโพดประมาณ 7,500 ตัน เกษตรกรจำนวน 430 ครอบครัว กระทรวงเกษตรฯโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์รับรองราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งได้ติดต่อผู้รับซื้อคือบริษัทเบทาโกรกับบริษัทซีพีเอฟมาซื้อต่อจากสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ คาดว่าจะมีรายได้ไร่ละ 7,500 บาท หักทุนแล้วจะเหลือกำไรไร่ละ 4,000 บาท ซึ่งได้รายได้ดีกว่าปลูกข้าวได้ไร่ละประมาณ 2,000 บาท” นายกฤษฎากล่าว

นายกฤษฎากล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากสหกรณ์คือ สหกรณ์ต้องทำเพื่อสมาชิก ปรับบทบาทจากให้เงินกู้อย่างเดียวมาเพิ่มบทบาทด้านการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรของสมาชิก ซึ่งจะต้องดูแลตั้งแต่การผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ การหาช่องทางตลาด และเข้ามาเป็นตัวกลาง ในการดูแลผลประโยชน์ให้เกษตรกรสามารถเจรจากับภาคเอกชนในการซื้อขายสินค้า โดยสหกรณ์การเกษตรควรยึดหลักแนวคิดที่สำคัญ คือ ต้องดูแลเกษตรกรทั้ง 7 ล้านครอบครัวของเราให้ลืมตาอ้าปากให้ได้ และสามารถยืนอยู่ได้ในสังคม

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image