“ก.ล.ต.”สั่งฟ้องผู้บริหารไอเฟค ใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดราย นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไอเฟค ด้วยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย พร้อมรายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อสืบเนื่องจากที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดกับนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ในฐานะกรรมการและผู้บริหาร และนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ ขณะกระทำผิดเป็นกรรมการและผู้บริหารของไอเฟค กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้นไอเฟค โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมานายศุภนันท์ได้มีหนังสือขอเลื่อนระยะเวลาในการเข้ามารับทราบและยินยอมรับโทษออกไปอีก 30 วัน (เป็นภายในวันที่ 3 ตุลาคม 2561) โดยระบุว่ามีภารกิจมาก ซึ่งก.ล.ต. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ใช่กรณีมีพฤติการณ์ที่จำเป็นเพียงพอ จึงไม่ขยายระยะเวลาดังกล่าว ประกอบกับตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดกรณีวิกฤตของไอเฟค นายศุภนันท์มีพฤติกรรมที่อาจเป็นการขัดขวาง และไม่ได้ใช้ความพยายามในการแก้ไขปัญหาของไอเฟค รวมทั้งไม่ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของไอเฟคและผู้ถือหุ้น อีกทั้งในขณะนี้มีผู้ร้องเรียนว่านายศุภนันท์มีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นการดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไอเฟคและบริษัทย่อย

นอกจากนี้มีกรณีที่เจ้าหนี้ของไอเฟคยื่นคำร้องขอต่อศาลล้มละลายให้ฟื้นฟูกิจการของไอเฟค โดยขอให้นายศุภนันท์เป็นผู้ทำแผนและผู้บริหารชั่วคราว ซึ่ง ก.ล.ต.มีเหตุอันควรสงสัยว่า การร้องขอต่อศาลดังกล่าว อาจเป็นการดำเนินการเพื่อประวิงเวลาให้อำนาจในการดำเนินกิจการของไอเฟค ยังคงอยู่กับกรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันซึ่งมีนายศุภนันท์ร่วมอยู่ด้วย แทนที่จะดำเนินการให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดำเนินกิจการ และแก้ไขปัญหาของไอเฟคอย่างเร่งด่วน เพื่อประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัท

การที่นายศุภนันท์ไม่เข้ามารับทราบมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมติค.ม.พ.ภายในเวลาที่กำหนด จึงพิจารณาได้ว่า นายศุภนันท์ไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต. ดังนั้นก.ล.ต.จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีนายศุภนันท์ต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย โดยให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด รวมเป็นเงิน 31.93 ล้านบาท พร้อมกันนี้ก.ล.ต.ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังปปง.เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกด้วย

Advertisement

นอกจากนี้ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งให้นายศุภนันท์พ้นจากการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของไอเฟค และไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนแห่งอื่นเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2561 เป็นต้นไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image