เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยผลการประชุม กกพ. เพื่อพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2559 ว่า กกพ.มีมติปรับลดค่าเอฟที งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ลง 28.49 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้เอฟทีรวมที่ประชาชนจะรับภาระอยู่ที่ -33.29 สตางค์ต่อหน่วย นับเป็นการปรับลดลง 6 งวดติดต่อกัน โดยอัตราค่าเอฟทีที่ลดลงครั้งนี้ถือเป็นการปรับลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการใช้สูตรค่าไฟตั้งแต่ปี 2535 เป็นผลจากราคาเชื้อเพลิงหลักอย่างก๊าซธรรมชาติมีการปรับลดลงตามราคาน้ำมันเตาเฉลี่ยย้อนหลัง 6-18 เดือน รวมถึงการเลื่อนจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ และการยกเลิกสัญญาของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้ค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐในการรับซื้อไฟฟ้าทั้งรูปแบบส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้า(แอดเดอร์) และต้นทุนค่าไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง (ฟีด อินทารีฟ) ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจริงจากประชาชนจะอยู่ที่ 3.4227 บาทต่อหน่วย
นายวีระพลกล่าวว่า ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจำนวน 0.33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ระดับ 35.38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2559 ที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้น 8.46% มาอยู่ที่ 65,951 ล้านหน่วย และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังเคลื่อนไหวในกรอบ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะทำให้ค่าเอฟทีอีก 2 งวดข้างหน้ามีโอกาสทรงตัวอยู่ในระดับเดิม แต่หากราคาน้ำมันหลุดจากกรอบ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเอฟทีอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
