“สมคิด”แย้มตัวเลขส่งออกมี.ค.เป็นบวก ให้มั่นใจแนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้น

ที่กระทรวงการคลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม Innovation & Startup ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ล่าสุดการส่งออกเดือนมีนาคม 2559 เป็นบวกอีกครั้ง แต่บวกเท่าไหร่ คงต้องรอให้กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการ วันที่ 25 เมษายน นี้ ตอนนี้โมเมนตั้มหลายอย่างเริ่มดีขึ้น เชื่อว่าด้วยโครงการที่รัฐบาลมีอยู่ บวกกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะเริ่มออกมาในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยจะขยับดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ขออย่างเดียวการเมืองให้มันดีๆ หน่อยแล้วกัน เพราะทางเศรษฐกิจคงไม่ใช่ย่ำแย่ไปกว่านี้แล้ว

นายสมคิด กล่าวว่า ในไทยมี 2 ตัวเลขสำคัญ คือยอดใช้ซีเมนต์ กับ ยอดขายมาม่า เมื่อเศรษฐกิจกระเตื้องการใช้ซีเมนต์จะดีขึ้นมาก และเริ่มดีตั้งแต่เดือนมกราคม และได้รับรายงานภาวะอุตสาหกรรมที่เริ่มดีขึ้น ยิ่งได้ยินตัวเลขส่งออกมีนาคม เป็นบวกยิ่งมั่นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นแน่นอน โดยสิ่งสำคัญขณะนี้ต้องมีการหล่อเลี้ยงให้โครงการต่างๆ เดินหน้าต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมเร่งรัดการใช้จ่าย และหากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อย่างรถไฟฟ้า เริ่มมีการประมูลออกมา ที่ต้องจับตาคือการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ส่วนไทยต้องพยายามพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ แทนการส่งออกที่ยังผันผวน และหนึ่งในการพึ่งพาตัวเอง คือ เร่งรัดให้เกิดผู้ประกอบการใหม่(สตาร์อัพ) 5 กลุ่ม คือ เกษตรอาหาร สุขภาพ ไฮเทค ดิจิตอล วัฒนธรรม โดยขอให้เอกชน อาจารย์มหาวิทยาลัย เข้ามาช่วย โดยกระทรวงการคลังกำลังดูมาตรการจูงใจให้เกิดขึ้นให้ได้

สำหรับการพิจารณาเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของครม.นั้น ว่า ตนได้เซ็นเอกสาร เพื่อเสนอเข้าครม.แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเลขาครม.จะบรรจุวาระเมื่อไหร่ โดยเบื้องต้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่มีการเก็บภาษีสำหรับบ้านหลังแรก และบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่เคยเสียก็จะควรเสีย รวมถึงยกเว้นให้กับบ้านที่ราคาต่ำกว่า 50 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดต่างๆอยากให้รอผ่านครม.ก่อน นอกจากนี้ กำลังประสานตัวแทนธนาคารโลก เพื่อพาไปพบภาคเอกชน และหน่วยงานราชการ รวมถึงเข้าพบนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 เมษายนนี้ เพื่อให้ตัวแทนธนาคารโลกเห็นว่าไทยกำลังดำเนินการขจัดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งครั้งนี้ถือรัฐบาลเข้าไปประสานและให้ข้อมูลกับธนาคารโลกโดยตรง จากที่ผ่านมาเขาจะเข้ามาแล้วไปสอบถามใครก็ไม่รู้ ซึ่งมีผลทำให้อันดับไทยลดลงอย่างในปีที่ผ่านมา โดยหวังว่าการดำเนินงานทั้งหมดทำให้อันดับความยากง่ายในประกอบธุรกิจ( Doing Business)ของไทยดีขึ้น