นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งที่ 17/2559 เรื่องโยกย้ายและแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมประมงคนใหม่ นั้น ส่วนตัวไม่ได้ทราบเรื่องมาก่อนว่าจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายเกิดขึ้น เพิ่งทราบเมื่อได้เห็นคำสั่งดังกล่าวจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน รู้สึกช็อคและประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
ทั้งนี้ เมื่อเข้ารับหน้าที่เป็นอธิบดีกรมประมงแล้ว สิ่งที่ต้องเร่งเดินหน้ามี 2 เรื่อง คือ 1.แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) เช่น การขึ้นทะเบียนเรือประมง ใบอนุญาตการใช้เรือ ใบอาชญาบัตร การติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งเรือ (วีเอ็มเอส) จัดทำสมุดบันทึกการทำประมง จัดตั้งศูนย์แจ้งเข้า – ออกเรือประมง การทำประมงตามค่าจับสัตว์น้ำสูงสุดอย่างยั่งยืน(เอ็มเอสวาย) และ 2.การดำเนินงานตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ประมง พ.ศ.2558 ทั้งการแก้ไขไอยูยูและการปฏิรูปภาคประมงของไทยทั้งระบบ
สำหรับความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาไอยูยู เพื่อปลดล็อกใบเหลือง นั้น ที่ผ่านมาถือว่า มีความคืบหน้าไปมาก แต่ปัญหาที่สะสมมานาน ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยกลางเดือนพฤษภาคม 2559 กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อรายงานความคืบหน้าให้แก่เจ้าหน้าจากสหภาพยุโรป (อียู) ทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาไอยูยูของรัฐบาลไทย
“ระยะเวลาที่จะปลดล็อกใบเหลือง เมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของระบบภายในไทย หากไทยสามารถวางระบบเป็นที่น่าพอใจให้อียูได้ อียูอาจจะปลดใบเหลืองให้แก่ไทย แต่อียูจะยังมีการติดตามความหน้าการแก้ไข และการทำงานของแต่ละประเทศเป็นประจำและเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าได้ใบเขียวแล้วจะได้ตลอดไป หากประเทศใดปล่อยระบบประมงมีปัญหา อาจให้ใบเหลืองหรือใบแดงอีกได้ ”
นายอดิศร กล่าวว่า ผมขอยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งกับนายวิมล จันทรโรทัย อดีตอธิบดีกรมประมง ทั้งผมกับนายวิมล เป็นเพื่อนรุ่นคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาด้วยกัน เมื่อทำงานก็ได้ทำงานร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้ง เมื่อนายวิมลทราบว่ามีการโยกย้ายเกิดขึ้น ยังมาให้กำลังใจผมในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาไอยูยู และการปฏิรูปประมงไทยอีกด้วย