เฉลียงไอเดีย : คิดนอกกรอบ… แบบ‘ชนินทร์ วานิชวงศ์’ ต่อยอดธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ภายใต้การบริหารของ ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 40 ต้นๆ ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ไฟแรง และมีความโดดเด่นน่าสนใจอีกบริษัทหนึ่ง แม้ว่าจะก่อตั้งได้ไม่นานนัก

“ชนินทร์” เล่าให้ฟังว่า เกิดจากการซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 18 เพื่ออยู่เอง เมื่อประมาณปี 2003 (พ.ศ.2546) ราคาตารางเมตรละ 50,000-60,000 บาท แต่ 6 เดือนต่อมา ราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 90,000 บาทต่อตารางเมตร และต่อมาได้แวะไปดูคอนโดมิเนียมสร้างใหม่ย่านสาทรก็ถูกใจ จึงตัดสินใจซื้อเพราะอยากย้ายไปที่ใหม่ สุดท้ายเลยขายห้องชุดเดิมในราคาแสนกว่าบาทต่อตารางเมตร ได้เงินมาประมาณ 8 ล้านกว่าบาท ขณะที่ห้องใหม่ซื้อในราคาประมาณ 7 ล้านบาท

“พอเราเริ่มเห็นเงินและเห็นช่องทางก็เริ่มสนุก พออยู่ได้ 6 เดือนก็ลองหาของใหม่อีก ในย่านสุขุมวิท วิทยุ และทำแบบนี้เรื่อยๆ โดยสุขุมวิทจะเน้นไม่เกินทองหล่อเอกมัย ส่วนย่านสาทรก็ต้องไม่เกินช่องนนทรี เนื่องจากจะได้ผลตอบแทนดีคือประมาณ 5-10%”

Advertisement

แต่ในช่วงหลังพบว่าคนซื้อหันมาลงทุนในรูปแบบนี้มากขึ้น ทั้งให้เช่าและขายใบจอง ผลก็คือผลตอบแทนการลงทุนเริ่มลดลง จนกระทั่งปี 2008-2009 (พ.ศ.2551-2552) ก็เลยหันมาซื้อบ้านเก่าย่านทองหล่อราคาหลังละไม่เกิน 10 ล้านบาท มาปรับปรุงใหม่ ซึ่งค่อนข้างประสบผลสำเร็จ โดยขายได้หลังละ 10-14 ล้านบาท

ก่อนจะผันตัวเข้าสู่การเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว “ชนินทร์” ทำรายได้จากการลงทุนซื้ออสังหาฯมาขายมากกว่า 500 ล้านบาท และจากประสบการณ์ตรงนี้ “ชนินทร์” จึงตัดสินใจตั้งบริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ขึ้นมาในปี 2012 (พ.ศ.2555) เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการเจ้าอื่น ที่เน้นการพัฒนาจำนวนยูนิตในโครงการเพื่อขายค่อนข้างมากและการสะสมแลนด์แบงก์ (ที่ดิน) แต่คอนเซ็ปต์ของฮาบิแททคือ จะมองจากมุมของคนซื้อว่าต้องการอะไร ซึ่งนั่นก็คือคุณภาพของสินค้าจะต้องดี ซื้อแล้วมีมูลค่าเพิ่ม ผลตอบแทนต้องดี ซึ่งกลุ่มที่จะให้ผลตอบแทนดีและมีคู่แข่งน้อยก็คือกลุ่มลักชัวรี่ (หรู) หรือเจาะกลุ่มลูกค้าเอ-ลบขึ้น แม้ตลาดจะจำกัด แต่ขายได้แน่นอน

โดยช่วงแรกมองที่ดินที่จะมาพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยว แต่กรุงเทพฯที่ดินราคาแพง คือ ตารางวาละ 600,000-700,000 บาท ทำราคายากและต้องลงทุนสูง จึงไปดูที่หัวเมืองท่องเที่ยว ไล่มาตั้งแต่หัวหิน ชลบุรี ศรีราชา และพัทยา เมื่อลงลึกรายพื้นที่พบว่าพัทยาน่าสนใจที่สุด เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่รู้จักกันทั่วโลก ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก และกลุ่มคนในพื้นที่ก็มีกำลังซื้อสูงเพราะมีแหล่งงานอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และหากซื้อแล้วปล่อยเช่าผลตอบแทนก็จะได้สูงกว่า โดย กทม.จะได้ผลตอบแทนประมาณ 6% แต่พัทยาอยู่ที่ 8-9%

Advertisement

“ชนินทร์” บอกว่า โครงการแรกที่ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” พัฒนา คือโครงการ “เดอะวิลล่า จอมเทียน” ในปี 2013 (พ.ศ.2556) โดยซื้อโครงการเก่าที่พัฒนาไปบางส่วน (ประมาณ 20%) ในราคาไร่ละ 6-7 ล้านบาท นำมาพัฒนาเป็นพูลวิลล่า สำหรับคนซื้อที่ต้องการลงทุน ซึ่งบริษัทรับบริหารการเช่าให้ด้วย โดยการันตีผลตอบแทนให้ 6% ต่อปี โดยคิดจากราคาบ้าน เช่นราคาบ้าน 8 ล้านบาท การันตีรายได้ 6% ก็จะได้รายได้ประมาณ 480,000 บาทต่อปี ไม่กี่ปีลูกค้าก็จะถึงจุดคุ้มทุน ขณะที่ลูกค้าได้สิทธิเข้าพักปีละ 14 วัน ซึ่งการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้จะต้องขออนุญาตประกอบการโรงแรมให้ถูกต้อง

“แนวคิดในการทำงานของผมก็คือ ทำในสิ่งที่ชอบและสนุกกับการทำงานที่รัก บวกกับการคิดนอกกรอบและมองหาอะไรใหม่ๆ มีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน และบริหารงานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง สร้างความสัมพันธ์กับพนักงาน รับฟังความคิดเห็นของพนักงานเสมือนเป็นครอบครัวที่ต้อง ทำงานอยู่ร่วมกัน”

ปัจจุบัน “ฮาบิแทท กรุ๊ป” มีโครงการสำหรับการลงทุนในพัทยามากมาย อาทิ โครงการครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ (X2 Pattaya Oceanphere), โครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา (Best Western Premier Bayphere Pattaya) คอนโดสไตล์รีสอร์ต ติดชายหาดนาจอมเทียน, โครงการบลูเฟียร์ พัทยา (BluPhere Pattaya) ที่ได้ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเล็กชั่น แบรนด์โรงแรมระดับพรีเมียม บริหารจัดการ, โครงการวินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ย่านวงศ์อมาตย์

ส่วนกรุงเทพฯ ก็มีโครงการ เลอรอย ร่วมฤดี (LEROY Ruamrudee) ที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่, โครงการ วาลเด้น อโศก (Walden Asoke), โครงการ วาลเด้น สุขุมวิท 39 (Walden Sukhumvit 39) และในอนาคตมีแผนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งการหาพันธมิตรร่วมทุนด้วย

6 ปีของการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ “ชนินทร์” มีความแข็งแกร่งทั้งการบริหาร รวมไปถึงการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวกระโดด การันตีได้จากรางวัลต่างๆ ที่บริษัทได้รับถึง 11 รางวัล

และนี่ ความสำเร็จของผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ต่อยอดธุรกิจจากความชอบของตัวเอง!

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image