“เคจีไอ”ประเมินหุ้นเข้าสู่ช่วงน่าลงทุน แนะนำหุ้นเด่นไว้ 3 ตัว คาดกำไรงบฯแบงก์เพิ่ม 10%

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ทางเคจีไอมองว่าดัชนีตลาดหุ้นปรับลงมาค่อนข้างมากแล้ว และเข้าสู่ระดับที่น่าลงทุนอีกครั้ง ทั้งนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเราประเมินทางลงของดัชนีไว้ 2 ระดับคือ ในกรณีปกติที่ 1,700-1,705 จุด ซึ่งหลุดไปแล้ว และกรณีเลวร้ายที่ระดับ 1,660-1,665 จุด อิงพีอี 15 เท่า สามารถรองรับการปรับฐานของดัชนีตลาดหุ้นได้เกือบทุกรอบในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีเพียงช่วงปลายปี 2556 ที่ดัชนีตลาดหุ้นหลุดระดับดังกล่าวชั่วคราว ด้วยเหตุชุมนุมทางการเมืองในช่วงนั้น โดยยังให้น้ำหนักต่อปัจจัยบวกภายในประเทศในช่วงปลายปี ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และความมั่นใจต่อปัจจัยการเมืองและการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

นายรักพงศ์กล่าวว่า สำหรับการรายงานงบไตรมาส 3/2561 นักวิเคราะห์ประเมินกำไรรวมกลุ่มธนาคารไตรมาส 3 ลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากกำไรเงินทุนที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากสินเชื่อเติบโตเร่งขึ้นเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจและภาระการกันสำรองหนี้ลดลง โดยหุ้นธนาคารที่โดดเด่นกว่าตัวอื่น ได้แก่ KTB และ BBL ทั้งนี้ยังมีประเด็นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ที่ปรับขึ้นแรงและกดดันภาวะตลาดหุ้นโลก ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการประชุมอียูซัมมิทในสัปดาห์นี้

นายรักพงศ์กล่าวว่า และหุ้นเด่นประจำสัปดาห์แนะนำ KTB คาดว่างบไตรมาส 3/2561 น่าจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โต 4.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและเติบโต 36.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากแรงกดดันต่อการสำรองหนี้สูญที่ลดลง ให้ราคาเป้าหมาย 21.5 บาท AMATA ประเมินว่าผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังจะโดดเด่น การโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมน่าจะเร่งตัวขึ้น ขณะที่โครงการอีอีซีและการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 1/2562 เป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการลงทุนหุ้นกลุ่มนิคมฯ จึงให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท และ BGRIM ภายหลังที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นโครงการโซลาร์ในเวียดนาม คาดว่าจะทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 1.4 บาทต่อหุ้น และมองว่าในอนาคตกำลังการผลิตในเวียดนามของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอีก ประกอบกับการรับงานเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าในสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทอย่างน้อย 1.1.5 บาทต่อหุ้นในระยะยาว ให้ราคาเป้่าหมาย 31.0 บาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image