ฮุนได‘ไอออนิก’ รถพลังไฟฟ้า ภายในเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ : โดย นายพล

แม้ว่าค่ายฮุนไดในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเห็นแต่รถตู้อเนกประสงค์ ฮุนได H-1 วิ่งเกลื่อนถนน
แต่ในความเป็นจริงแล้วค่ายฮุนไดมีมากกว่ารถตู้ที่เห็น มีทั้งรถเก๋ง รถอเนกประสงค์

และล่าสุดฮุนไดโชว์ความล้ำสมัยไปอีกขั้น เมื่อนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ฮุนได ไอออนิก มาจำหน่ายในประเทศไทย

ปล่อยให้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ที่มัวแต่จะขายเทคโนโลยีไฮบริดที่ตัวเองมีอยู่ นั่งมองกันตาปริบ

สำหรับ ฮุนได ไอออนิก นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่มีจำหน่ายในทั้ง 3 รูปแบบระบบขับเคลื่อนใน 1 รุ่น ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊กอิน ไฮบริด และ อีวี เป้าหมายเพื่อเป็นรถยนต์ที่มีมลพิษต่ำที่สุด หรือปราศจากมลพิษ

Advertisement

ฮุนได ไอออนิก ภายนอกรูปทรงตัวรถเป็นแบบรถแฮตช์แบ๊ก 5 ประตู ทรงสปอร์ต ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.24 ลดน้ำหนักตัวรถ ด้วยการเลือกใช้อะลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย ทำให้ลดน้ำหนักลงได้ 12.6 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป

ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดังนั้น กระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์

ชายประตูทั้ง 4 บาน ถูกตกแต่งด้วยสีทองแดง สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

Advertisement

ภายในเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคาและพรมมีส่วนผสมจากต้นอ้อย เพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสารมีความบริสุทธิ์

สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อให้มีประกายของเม็ดสีที่สวยงาม

แผงประตูผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงแข็งแรงและคุณภาพดี

บริเวณช่องแอร์, คอนโซลกลาง, พวงมาลัย และเบาะนั่ง ถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดง เป็นสีเปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าเคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ในคอนดักเตอร์ของระบบไฟฟ้า

เมื่อปลดล็อกรถด้วยระบบสมาร์ท เอนทรี (Smart Entry) ระบบเวลคัม ฟังก์ชั่น (Welcome Function) จะทำงานด้วยการสั่งให้ไฟหน้าและไฟท้ายส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะจอดรถในที่มืดหรือยามค่ำคืน

และเมื่อผู้ขับขี่เปิดประตูรถ เบาะที่นั่งคนขับ จะปรับเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งขับขี่ได้สะดวก เบาะที่นั่งคนขับ ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังแบบไฟฟ้า (Lumbar Support) ช่วยลดอาการเมื่อยล้า

มีระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้าโปร่งและกว้าง เนื่องจากระบบเกียร์ถูกออกแบบให้เป็นแบบระบบปุ่มกด หรือชิฟท์ บาย ไวร์ (shift by wire) ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้โดยนิ้วสัมผัส

มีระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบออโตโฮลด์ (Auto Hold) ช่วยหยุดรถชั่วขณะในสภาพการจราจรติดขัด และระบบไวร์เลส ชาร์จจิ้ง (wireless charging) ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพียงวางโทรศัพท์บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์

ระบบความบันเทิง ควบคุมได้ผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้ว เลือกฟังก์ชั่นได้ เช่น ระบบวิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องต่อระบบ USB และ AUX

หน้าปัดแสดงการทำงานของระบบต่างๆ บริเวณคนขับ เป็นหน้าปัดความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT แสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของรถยนต์ เช่น ระยะทางที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง, ระดับพลังงานของแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถที่จำเป็น ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย

หน้าปัดนี้ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ ตามรูปแบบการขับขี่ ผู้ขับขี่ สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ ผ่านปุ่ม ไดรฟ์ โหมด (drive mode) บริเวณคอนโซลกลาง มีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport

โหมด Eco หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ และแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็ว พร้อมไฟแสดงสถานะโหมด Eco สีเขียว

โหมด Normal หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ จากแถบสีเขียวในโหมด Eco จะถูกเปลี่ยนเป็นแถบสีเทา และไม่มีไฟแสดงสถานะโหมด Normal

โหมด Sport หน้าปัดจะถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็ว เป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ในรูปแบบอนาล็อกพร้อมแถบสีแดง ตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิทัล จะถูกไล่ลำดับขึ้นไปตามความเร็วของรถยนต์

ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์เป็นแบบดูอัล โซน (Dual Zone) เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

มีระบบปรับอากาศที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกให้ลม ออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะผู้ขับขี่อย่างเดียวได้ เพียงกดปุ่ม ไดรฟ์ โอนลี่ (driver only) ที่บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ช่วยประหยัดพลังงาน

ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ ซิงเกิล-สปีด (single-speed) เลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ มีประสิทธิภาพการชาร์จไฟดี มี

หน่วยความจำรอบการชาร์จไฟน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบนิกเกิล เมทัล ไฮดราย
เป็นแบตเตอรี่ขนาด 28 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยประมาณ และการชาร์จไฟแบบควิก ชาร์จ (quick charge) กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kW จะใช้เวลา 30 นาที และ 23 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kW

แบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง ทำให้มีพื้นที่บรรจุสัมภาระได้สูงสุด 650 ลิตร

ไอออนิก มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบรีเจนเนอเรทีฟ เบรกกิ้ง ซิสเต็ม (regenerative braking system) ควบคุมได้ด้วยปุ่มแพดเดิลชิฟท์ (paddle shift) บริเวณด้านหลังพวงมาลัย มีทั้งหมด 4 ระดับ

แต่ละระดับจะเป็นระดับการนำพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่จากมากไปน้อย เพียงผู้ขับขี่กดปุ่มแพดเดิลชิฟท์ รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อให้รีเจนเนอเรทีฟ เบรกกิ้ง ซิสเต็มทำงาน และนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อช่วยให้มีระยะทางการวิ่งยาวขึ้น

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ผลิตจากอะลูมิเนียม ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ถูกปรับแต่งเพื่อให้มีการขับขี่นุ่มนวล

ระบบความปลอดภัยมาแบบเต็มเหยียด ทั้งระบบไบลด์ สปอต ดีเทคชั่น (Blind Spot Detection) ทำหน้าที่ตรวจจับรถในจุดอับสายตาขณะขับขี่ ทำงานควบคู่กับระบบเลนเชนจ์แอสสิสต์ (Lane Change Assist) ช่วยตรวจจับรถในเลนด้านข้างใน ขณะผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลน

และยังทำงานร่วมกับระบบ เรียร ครอส ทราฟฟิก อะเลิร์ท (Rear Cross Traffic Alert) ขณะผู้ขับขี่กำลังจะถอยรถออกจากที่จอดรถ หากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยขณะถอยรถ

มีระบบ เลน ดีพาร์ทเจอร์ วอร์นนิ่ง (Lane Departure Warning-LDW) ระบบจะใช้กล้องบริเวณด้านบนตรงกลางของกระจกบังลมหน้า ตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร หากรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ ให้นำรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิม

ระบบ เลน คีพปิ้ง แอสสิสต์ (Lane Keeping Assist-LKA) ใช้กล้องตัวเดียวกัน ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร เมื่อรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะสั่งการให้หักพวงมาลัยกลับมาในช่องจราจร

ระบบ สมาร์ท ครุยส์ คอนโทรล (Smart Cruise Control-SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโก้บนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผัน ตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า และผู้ขับขี่ ยังเลือกระดับการรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย

ระบบฟอร์เวิร์ด คอลลิชั่น วอร์นนิ่ง (Forward Collision Warning-FCW) ช่วยเตือนผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนเกิดอุบัติเหตุ

และระบบออโตโนมัส อีเมอร์เจนซี่ เบรกกิ้ง ซิสเต็ม (Autonomous Emergency Braking System-AEB) ช่วยเบรกรถอัตโนมัติ กรณีผู้ขับขี่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในขณะรถกำลังเข้าใกล้รถคันข้างหน้า หรือในกรณีคนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้าและเรดาร์บริเวณกระจังหน้า จะตรวจจับวัตถุและคนเดินถนน และจะสั่งให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ

ราคาจำหน่าย ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ที่ 1,749,000 บาท

โดยภาพรวมแล้วถือว่าเป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนล้ำสมัย น่าใช้ อารมณ์ขับเหมือนรถยนต์ใช้น้ำมันทั่วไป แม้ว่าราคาจะยังสูงอยู่และสถานีชาร์จไฟยังมีไม่มากก็ตาม

แต่อย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าค่ายฮุนไดอย่างเกาหลีใต้ใจถึง โชว์ศักยภาพผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกใหม่ให้คนไทยได้มีโอกาสใช้กันแล้ว

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image