เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา นายปรีชา จานทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 นายวิชัย ไตรสุรัตน์ ผู้อำนวยการกองแผนงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดพะเยาและเชียงราย และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 8/2561 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ เทศบาลเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางไปยังประตูระบายน้ำกว๊านพะเยา ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา เพื่อตรวจราชการ และพบปะตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำในจังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการพัฒนากว๊านพะเยา โดยดร.ทองเปลว ได้บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในจังหวัดพะเยา และสรุปผลการดำเนินงานโครงการพัฒนากว๊านพะเยา ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดพะเยา ในเขตลุ่มน้ำโขง (อิง) มีลักษณะเป็นแอ่งก้นกระทะ มีพื้นที่ประมาณ 12,831 ไร่ มีลำน้ำสาขา จำนวน 13 สาย พื้นที่รับน้ำฝนประมาณ 1,464 ตร.กม. ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ย ปีละ 330.70 ล้าน ลบ.ม. สามารถเก็บกักน้ำได้โดยเฉลี่ย 33.84 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตามจากสภาพปัญหาการตื้นเขินจากการตกจมของตะกอนการขยายตัวของวัชพืช เช่น ผักตบชวา ส่งผลให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม และการลดลงของปริมาณสัตว์น้ำ ประกอบกับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทำให้มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาและภาคการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งยังไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ หน่วยงานทุกภาคส่วนจึงร่วมกันพัฒนากว๊านพะเยาอย่างบูรณาในการ
ดร.ทองเปลวกล่าวว่า กรมชลประทานนั้น ได้ก่อสร้างฝายพับได้ เพื่อเพิ่มระดับเก็บกักอีก 1 เมตร ทำให้ความจุเก็บกักเพิ่มเป็น 55.65 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 21.81 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งระดับเก็บกักที่เพิ่มสูงขึ้นไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อพื้นที่โดยรอบกว๊านพะเยา ปัจจุบัน (26 ต.ค.61) กว๊านพะเยามีปริมาณน้ำ 45.88 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 82 ของความจุเก็บกัก