นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(ทอท.) เปิดเผยว่า ทอท.อยู่ระหว่างหารือกับกรมธนารักษ์ กรมท่าอากาศยาน (ทย.) และกองทัพอากาศ(ทอ.) ถึงแนวทางในการปลดล็อคพื้นที่ในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของทอท. คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ และภูเก็ต รวมประมาณ 3,000-4,000 ไร่ เพื่อนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าหมายรายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจการบินให้มีสัดส่วนรายได้เป็น 50% จากปัจจุบัน 40% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า และหลังได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เบื้องต้นอาจมีการแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อเปิดทางให้มีการนำพื้นที่มาพัฒนาได้ ซึ่งสาเหตุต้องปลดล็อค เนื่องจากบางพื้นที่ในสนามบินยังติดเงื่อนไขโซนนิ่งพื้นที่สีเขียว เพราะเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ พื้นที่ของกองทัพอากาศ พื้นที่ของกรมท่าอากาศยาน
นายนิตินัย กล่าวว่า สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบว่า มีพื้นที่รวมกว่า 500,000 ตารางเมตร แต่มีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพียง 20,000-30,000 ตารางเมตร หากเปรียบเทียบกับสนามบินในต่างประเทศบางแห่ง ที่มีพื้นที่รวม 450,000 ตารางเมตร แต่กลับมีพื้นที่เชิงพาณิชย์มากกว่า 150,000 ตารางเมตร ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องหารายได้ในพื้นที่เชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยเฉพาะในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมาก แต่พื้นที่ขายของมีน้อย
นายนิตินัย กล่าวว่า ในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ ทอท.จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.7 แสนล้านบาท พัฒนาท่าอากาศยานต่างๆของ ทอท ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวไม่รวมการลงทุนขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ได้ประกาศประกวดราคาแล้ว 3 สัญญา ส่วนที่เหลืออีก 4 สัญญา ตั้งเป้าหมายจะต้องได้ผู้รับเหมาก่อสร้างภายในปีนี้เช่นกัน
“เดิมตัวเลขลงทุนตั้งไว้ที่ 1.4 แสนล้านบาท ต่อมามีการเพิ่มเติมการพัฒนาสนามบินดอนเมืองให้เต็มศักยภาพ ทำให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้น คาดปี 2565 สนามบินทั้ง 6 แห่ง จะรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึง 165 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 83.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งปี2558 มีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 106 ล้านคน” นายนิตินัย กล่าว
นายนิตินัย กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ยังมีนโยบายให้แต่ละสนามบิน ไปจัดทำแผนพัฒนาสนามบินแต่ละแห่งเต็มพื้นที่ถึงปี 2570 เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เติบโตอย่างรวดเร็วด้วย โดยจะทำควบคู่ไปกับการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เพื่อรองรับกรณีในอนาคตต้องมีการก่อสร้างสนามบินเพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้โดยสารจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอผลอีไอเอ และสามารถก่อสร้างต่อได้เลย
ทั้งนี้ เบื้องต้นมีการประมาณตัวเลขผู้โดยสารที่จะเติบโตในแต่ละสนามบินหากพัฒนาเต็มศักยภาพ คือ สนามบินดอนเมือง ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี อนาคตจะรองรับได้ 40 ล้านคนต่อปี สนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี อนาคตจะรองรับได้ 90 ล้านคนต่อปี สนามบินเชียงใหม่ ปัจจุบันรองรับได้ 13 ล้านคนต่อปี อนาคตต้องรองรับได้ 20 ล้านคนต่อปี สนามบินหาดใหญ่ ปัจจุบันรองรับได้ 2.5 ล้านคนต่อปี อนาคตต้องรองรับได้ 10 ล้านคนต่อปี สนามบินแม่ฟ้าหลวง(เชียงราย) ปัจจุบันรองรับได้ 3 ล้านคนต่อปี อนาคตรองรับได้ 20 ล้านคนต่อปี และสนามบินภูเก็ต ปัจจุบันรองรับได้ 12.5 ล้านคนต่อปี อนาคตรองรับได้ 18 ล้านคนต่อปี
น.ท.ฤทธิรงค์ ก้อนมณี ผู้อำนวยการใหญ่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ กล่าวว่า สนามบินหาดใหญ่มีแผนพัฒนาสนามบินทั้งระยะสั้น-ระยะยาว โดยทั้งหมด ต้องเสร็จในปี 2571 โดยปัจจุบันสนามบินหาดใหญ่รองรับผู้โดยสารได้ 2.5 ล้านคนต่อปี และหากปรับปรุงระยะสั้น เช่น ขยายลานจอดรถ ปรับปรุงหลุมจอดอากาศยาน สร้างอาคารสำนักงาน ในปี 2562 จะรองรับได้ 4.5 ล้านคน ส่วนแผนระยะยาว อยู่ระหว่างคำนวณวงเงินลงทุน