นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และประธานสภาธุรกิจตลลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยในงานสัมมนาทิสโก้ เวลธ์ อินเวสเมนท์ ฟอรั่มว่า ภาพตลาดหุ้นปีนี้แย่ แต่เป็นการแย่เพียงชั่วคราว จากหลายๆ ปัจจัยทั้งการปรับขึ้นของตลาดหุ้นกว่า 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยเรื่องสงครามการค้า การดำเนินการนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ของประเทศต่างๆ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงการที่ปีนี้เป็นปีแรกที่เม็ดเงินที่สหรัฐใส่เข้าในระบบเศรษฐกิจผ่านนโยบายคิวอีเริ่มลดลง ประกอบกับการที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในตลาดทุน อย่างไรก็ตามหากผู้นำสหรัฐและจีนสามารถตกลงเรื่องการเก็บภาษีการค้าได้ จะทำให้หุ้นฟื้นแรง ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดหุ้นในปี 2562 จะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น โดยประเมินเป้าดัชนีปีหน้าที่ระดับ 1,850 จุด
“การลงทุนในตลาดหุ้นยังเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ และสามารถรองรับเม็ดเงินได้มหาศาลกว่าตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดตราสารหนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) หรือการถือเงินสดไว้ในมือก็ดี ซึ่งตลาดหุ้นจะฟื้นมากน้อยแค่ไหนในปีหน้า จะต้องรอติดตามปัจจัยที่เกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่าตลาดยังอยู่ในภาวะร้อนแรงหรือเป็นตลาดกระทิง” นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์กล่าวว่า ทั้งนี้หากเปรียบเทียบในตลาดเกิดใหม่และตลาดเอเชีย จะเห็นว่าหุ้นไทยปรับลงไปไม่มากประมาณ 8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยดัชนีหุ้นในตลาดเกิดใหม่ปรับลดลงกว่า 15% เพราะฉะนั้นแม้ว่าภาพรวมจะดูย่ำแย่ แต่น้อบกว่าประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นหากแนวโน้มหุ้นในตลาดโลกฟื้นตัว จะทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
“ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจ นโยบายส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล จะทำให้เกิดการกระโดด (ชิฟท์) ของเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาพึ่งพาในประเทศสูงขึ้น ดังนั้นจะเห็นการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนสูงขึ้น รวมถึงถ้าการเลือกตั้งโปร่งใส จะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจมากขึ้น การบริโภคก็ดีขึ้นตามไปด้วย จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะโตมากกว่า 4% ถึงแม้เศรษฐกิจไตรมาส 3/2561 จะลงต่ำไปที่ระดับ 3% แต่โดยรวมไม่ห่วง”
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่าว่า อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยต้องระวังแรงขายทำกำไรหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนจะเริ่มกังวลถึงความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่คาดว่าอาจจะมาจากหลายพรรคการเมือง รวมไปถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยปรับขึ้นในปี 2562
