นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนตุลาคม 2561 ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 363 ตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2561 พบว่า ดัชนีเกือบทุกรายการปรับลดลง โดยในด้านเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับ 47.6 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 48.6 ด้านการบริโภคอยู่ในระดับ 47.4 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 48.2 ด้านการลงทุนอยู่ในระดับ 46.6 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 47.4 ด้านการท่องเที่ยวอยู่ในระดับ 50.5 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 51.1 ด้านภาคเกษตรอยู่ในระดับ 42.8 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 43.1 ด้านภาคอุตสาหกรรมอยู่ในระดับ 49.2 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 49.7 ด้านภาคการค้าอยู่ในระดับ 48.2 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 48.4 และด้านการจ้างงานอยู่ในระดับ 46.3 ลดลงจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 46.9 มีเพียง 2 ด้านคือในด้านการค้าชายแดนและภาคบริการที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น โดยด้านการค้าชายแดนอยู่ในระดับ 50.7 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 50.4 และภาคบริการอยู่ในระดับ 50.4 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 50.3
นางเสาวณีย์กล่าวว่า และเมื่อแบ่งเป็นรายภาค ดัชนีความเชื่อมั่นภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 52.4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) อยู่ในระดับ 47.1 ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 48.2 และภาคใต้อยู่ที่น้อยที่สุดที่ระดับ 46.7 จากปัญหาสินค้าเกษตรในกลุ่มพืชอุตสาหกรรม การลดลงของนักท่องเที่ยวชาวจีน และการเลิกจ้างงานในภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ในด้านสถานการณ์เศรษฐกิจของจังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในระดับไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นด้านการท่องเที่ยวและภาคเกษตรที่อยู่ในระดับที่แย่ลง โดยรวมมีปัจจัยลบจากภาวการณ์ชะลอตัวของราคาสินค้าเกษตรบางชนิด เช่น ปาล์ม ยางพารา และข้าว เป็นต้น การลดลงของนักท่องเที่ยวชาวจีน การขาดสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจเอสเอ็มอี การแข่งขันรุนแรงของการค้าออนไลน์ ส่งผลกระทบกับการปรับตัวของผู้ประกอบการ รวมถึงมูลค่าการส่งออกชายแดนที่มีสัญญาณการชะลอตัวลง แต่ยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ราคาพืชผลการเกษตรบางรายการปรับตัว รวมถึงสัญญาณการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองคณบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการและวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาคบริการยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง และกลับมาอยู่ในภาวะปกติเมื่อดูรายละเอียดรายภูมิภาคและให้การบริการในด้านต่างๆ เช่น การโรงแรรมและภัตตาคาร บริการสุขภาพ ธุรกิจนำเที่ยว ยอดขายในรอบ 4 เดือนอยู่ในระดับปกติ ขณะเดียวกันยอดจองโรงแรมหรือรถขนส่ง อยู่ในระดับปกติเช่นเดียวกัน หรือในระดับ 50% ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับที่ไม่สูงและสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เหมาะสม จะช่วยค้ำยันเศรษฐกิจไทยให้มีภาคบริการที่โตต่อเนื่อง เป็นพื้นฐานรองรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2561 ต่อเนื่องถึง ไตรมาส 1-2/2562 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4% อย่างไรก็ตามทางหอการค้ายังไม่ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ ต้องรอประชุมหอการค้าทั่วประเทศในช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน-2 ธันวาคมนี้ก่อน แต่โดยรวมมองว่าเศรษฐกิจปี 2561 นี้จะขยายตัวได้ประมาณ 4.1-4.2%
