นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มบริษัทที่เข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ไฮสปีดเทรน) ว่า การประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลไฮสปีดเทรนมีผลกับความเคลื่อนไหวแน่นอนอยู่แล้ว โดยความเคลื่อนไหวในขณะนี้จะสังเกตว่ามีหุ้นหลายตัว ราคาปรับลดลง เช่น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือสเตค สะท้อนว่าตลาดยังคาดการณ์ไม่ได้ว่ากลุ่มไหนจะเป็นผู้ชนะการประมูล
“สำหรับประเด็นเรื่องการรับเหมาก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มซีพีหรือบีทีเอส จะทำให้ราคาหุ้นรับเหมาทั้ง 2 กลุ่มปรับขึ้นทั้งหมด ผู้ชนะการประมูลจะมีกำลังก่อสร้างหรืองานในมือเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่ชนะการประมูล หุ้นก็จะขึ้นเช่นกัน เนื่องจากสามารถรับงานประมูลอื่นๆ ได้อีก ส่วนเรื่องการเดินรถ กลุ่มที่ชนะการประมูลหุ้นจะขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่ชนะการประมูลหุ้นจะลง จากเรื่องการบริหารจัดการเดินรถ”นายประกิตกล่าว
นายประกิตกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของซีพี แม้ว่าบริษัทที่เข้าร่วมประมูลจะเป็นโฮลดิ้ง แต่เบื้องต้นประเมินว่าหากกลุ่มซีพีชนะการประมูล อาจจะกระทบกับหุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในเชิงจิตวิทยาบ้างเล็กน้อย เนื่องจากลักษณะการทำธุรกิจของซีพีจะมีการผูกหรือควบรวมธุรกิจในเครือ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภาวะหุ้นที่อยู่ในกลุ่มเข้าชิงประมูลโครงการไฮสปีดเทรน รวม 6 ตัว โดยส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับลดลงทั้งหมด มีเพียงหุ้นบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือไอทีดี ที่ราคาปิดตลาดเท่ากับวันก่อนหน้า โดยในกลุ่มแรกนำโดยกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด หรือซีพี และพันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือซีเค ปิดตลาดที่ราคา 25.25 บาท ปรับลดลง 0.25 บาท หรือลดลง 0.98% บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ปิดตลาดที่ราคา 9.20 บาท ปรับลดลง 0.10 บาท หรือลดลง 1.08%
และกลุ่มที่ 2 นำโดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ปิดตลาดที่ราคา 9.20 บาท ปรับลดลง 0.30 บาท หรือลดลง 3.16% บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือสเตค ปิดตลาดที่ราคา 22.90 บาท ปรับลดลง 0.30 บาท หรือปรับลดลง 1.29% และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือราช ปิดตลาดที่ราคา 49.00 บาท ปรับลดลง 0.50 บาท หรือลดลง 1.01%
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
