วิสัยทัศน์‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ ท่องเที่ยวไทยยั่งยืน..เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ

ตามวิสัยทัศน์ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนการพัฒนาและบูรณาการด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้หัวเรือใหญ่ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำงานเชิงรุกมาตลอด ดูได้จากการทำงานย้อนหลังช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีงานหลายอย่างที่สำเร็จและเห็นผลชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมไปแล้ว

ตั้งแต่ การพยายามที่จะกระจายนักท่องเที่ยวออกไปยังแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองหลัก เพื่อให้มีการขยายจำนวนนักท่องเที่ยวในภาพรวม ลดการกระจุกตัวผ่านโครงการเด่นๆ ชูนโยบายเที่ยวเมืองรอง แล้วสามารถนำใบเสร็จในการใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ถึง 15,000 บาท และนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงการกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นเมื่อทุกครั้งที่ได้หยุดงาน โดยพยายามค้นหาเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่อาจหาไม่ได้จากที่ไหน นอกจากประเทศไทยประเทศเดียว

หันมาแลหน้าจากนี้ วีระศักดิ์สะท้อนภาพรวมปี 2562 ไว้ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะมีความท้าทายมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทำให้เม็ดเงินเปลี่ยนที่อยู่ เงินที่กำลังจะถูกลงทุนในหลายภูมิภาคของประเทศไทย อาจจะมีการชะลอการลงทุนเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเงินที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ในโลกนี้ จะเป็นการลงทุนเพื่อลดต้นทุนทางด้านแรงงานในการผลิต เมื่อดอกเบี้ยขึ้นจะทำให้เงินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนที่อยู่ และทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน ซึ่งจะกระทบต่อพฤติกรรมการลงทุน การกินอยู่ และการเดินทางของมนุษย์

Advertisement

“ทำให้งานด้านการตลาดต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น โดยการค้นหากลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย และมีคุณภาพในการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งข้อดีข้อเดียวที่เห็นในปีนี้ เป็นเรื่องของราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง คาดว่าจะทำให้ต้นทุนในการเดินทางไม่ถูกกระทบมากนัก นักท่องเที่ยวที่เดินทางในระยะใกล้ น่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสนใจมากที่สุด ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวในระยะไกล น่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องค้นหาและคัดเลือกที่มีคุณภาพจริงๆ ให้มากที่สุด ไม่ใช่การให้ความสนใจกับปริมาณนักท่องเที่ยว แต่ต้องให้ความสนใจกับคุณภาพและศักยภาพในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมากกว่า เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายคือ การทำให้ประเทศไทยได้รับรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างแท้จริง มีเม็ดเงินต่างประเทศเข้ามาหมุนเวียนในไทยมากยิ่งขึ้น

“การทำให้รายได้เหล่านั้นลงไปให้ถูกที่ถูกทาง ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากทั้งชาวต่างชาติและคนไทยด้วยกันเอง โดยหากเป็นเม็ดเงินจากคนไทยจะต้องกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นต่อไป เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวราคาถูก แต่ต้องเป็นเมืองท่องเที่ยวราคาคุณภาพ”

คุณวีระศักดิ์ เล่าต่อถึงแผนการดำเนินงานและทิศทางการทำงานไว้ว่า

Advertisement

“ปีนี้จะดำเนินการต่อจากแผนงานจากปีก่อน เน้นการต่อยอดมาตรการหรือนโยบายต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น ได้เกิดมาตรการและนโยบายใหม่ขึ้นมากมาย ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก อาทิ นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้จากภาคท่องเที่ยวลงสู่ชุมชนมากขึ้น การท่องเที่ยวควรส่งเสริมมากที่สุด คือ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชื่นชอบ มากกว่าคนไทยเองด้วยซ้ำ ทำให้เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ควรสนับสนุนมาก

“ไทยเองแทบไม่ต้องลงทุนกับการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ เพียงแต่ต้องรักษาไว้ให้ได้เท่านั้น รวมถึงรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีเครื่องแต่งกายเป็นจุดเด่นควรสนับสนุนให้เกิดขึ้น เพราะจะทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นเหล่านั้นได้รับประโยชน์ และบ้านเมืองเรา จะสวยขึ้นอีกมาก หากคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวแต่งกายด้วยชุดท้องถิ่น เหมือนเช่นญี่ปุ่น ที่จัดให้มีวันแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติ และพอถึงวันนั้นชาวญี่ปุ่นก็จะแต่งกายกันด้วยชุดกิโมโนใช้ชีวิตประจำวันกัน โดยไม่มีความเขินอาย ซึ่งไทยควรจะมีแบบนั้น เนื่องจากไทยเองก็มีชุดและเครื่องแต่งกายที่เรียกได้ว่ามีอิทธิพลกับคนเกือบทั้งโลก”

สิ่งที่ให้ความสำคัญต่อมาเป็นเรื่องของการส่งเสริมให้มีการนำของที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะของที่มาจากชุมชน นำมาเป็นของขวัญที่แสดงออกถึงน้ำใจส่งให้กันในวันสำคัญๆ แทนการซื้อของจากต่างประเทศ เพราะหากซื้อของในประเทศ ก็จะสร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ แต่หากซื้อของจากต่างประเทศ ก็จะเป็นการนำเงินออกนอกประเทศ และสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศส่วนมากก็มีราคาแพง ซึ่งหากเปลี่ยนมาใช้ของในประเทศ ก็จะเพิ่มการหมุนเวียนเม็ดเงินในประเทศเพิ่มขึ้น

สิ่งที่คิดว่าเป็นผลงานที่เด่นที่สุด ตั้งแต่เข้ามาทำงานในกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คือ การรักษาความนิ่งของนโยบาย ทำให้ทุกคนเห็นว่านโยบายต่างๆ ที่ออกมามีความนิ่งมากขึ้น ประกอบกับการไม่เน้นตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวมากเกินไป เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ถึงแม้บางตลาดจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวแผ่วลงบ้าง แต่ในรายได้ด้านการท่องเที่ยวของตลาดนั้นๆ ไม่ได้ลดลงเลย มิหนำซ้ำยังเพิ่มขึ้นด้วย และตัวเลขตลาดนักท่องเที่ยวที่ลดลง ก็ไม่ได้หายไปไหน แต่ไปเพิ่มในบางพื้นที่ หรือเกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มเข้าใจคำว่า การท่องเที่ยวไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพมากขึ้นแล้ว

โดยเป้าหมายและสิ่งที่คาดว่าประชาชนจะได้เห็นในปีนี้ คือ ประชาชนจะได้เห็นตัวเองมากขึ้น ทุกคนจะได้เห็นว่าประเทศของตนเองมีอะไรดีบ้าง อาทิ วัดวาอาราม ที่เราคนไทยเดินผ่านทุกวัน เห็นจนชินตา ทำให้มองว่าเป็นสิ่งของที่สุดแสนจะธรรมดา ทั้งๆ ที่พอชาวต่างชาติเข้ามาเห็นแล้ว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่างน่าอัศจรรย์ใจมากเหลือเกิน หากเรามองเห็นสิ่งที่เรามีด้วยสายตาที่เหมือนกับที่ชาวต่างชาติมองเรา แสดงว่าเราได้มองเห็นตัวเองมากขึ้นแล้ว

ส่วนการได้เห็นกันและกันก็หมายความว่า จะมีการกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางเที่ยวเมืองไทย เพื่อให้เกิดการพบปะกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันมากขึ้น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศมากขึ้นด้วย ทำให้ในปี 2562 คนไทยทุกคนจะได้เห็นตัวเองและได้เห็นกันและกันมากขึ้นอย่างแน่นอน

และนี่จะนำไปสู่การยั่งยืนของภาคท่องเที่ยวไทย

วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image