‘สนธิรัตน์’ เผยส่งออก’61 เฉียดเป้าโตกว่า7%บี้พณ.ทำงานหนักดันเป้าโต8% ลั่นถ้าได้อยู่ต่อจะดัน5จีให้เกิด(มีคลิป)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา “Krungthai Next – Thailand Economic Challanges 2019” ที่โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก จัดโดยธนาคารกรุงไทย ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกปั่นปวนผลจากเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาลง และยังมีปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเข้ามากระทบ ซึ่งประเทศไทยนอกจากสองปัจจัยดังกล่าวยังมี ปัจจัยในประเทศ เข้ามากระทบเศรษฐกิจ เพราะกำลังจะเกิดการเลือกตั้ง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ค่อนข้างนิ่งแต่กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งทิศทางเศรษฐกิจไทยหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทยสำหรับเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 ตั้งเป้าหมายเติบโต 8% เป็นการตั้งเป้าหมายที่ต้องทำงานหนักมาก ส่วนปี 2561 ตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ 8% โดยต้องลุ้นตัวเลขการส่งออกในเดือนธันวาคมที่จะออกมา เพราะช่วงครึ่งปีแรก 2561 ขยายตัวดีมาก แต่ช่วงครึ่งปีหลังปัจจัยกระทบมาก ประเมินเบื้องต้นว่าทั้งปีถ้าขยายตัวไม่ได้ถึง 8% ก็อาจจะยังขยายตัวที่ 7% กว่า

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการขับเคลื่อนเป้าหมายการส่งออกจะต้องปรับตัวและพิจารณาว่ายังมีตลาดส่งออกใดที่ไทยยังทำได้ไม่ดีก็ต้องขยายเพิ่ม รวมทั้ง การการส่งออกที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งต้องทำงานผนวกกับกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานตคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และตลาดส่งออกใดที่ไทยจะสามารถเพิ่มการส่งออกได้ เช่น อาเซียนที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ จีน โดยได้มอบโนยายให้กระทรวงพาณิชย์เจาะตลาดเมืองรองของจีน เพราะ 1 มณฑลของจีนเท่ากับ 1 ประเทศ ขณะที่ฮ่องกง ปัจจุบันความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและฮ่องกงจะเข้ามาเปิดสำนักงานการค้าในไทย โดยสถานะของฮ่องกงถือเป็นเกตเวย์ของจีนตอนใต้ และเป็นอาวุธหลักการค้าของจีน ไทยจึงต้องใช้โอกาสและมีแผนที่ทำนโยบายร่วมโดยให้ฮ่องกงใช้ไทยเป็นเกตเวย์สู่ซีแอลเอ็มวี(กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) และไทยนำ ซีแอลเอ็มวีเปิดประตูไปสู่จีนนอกจากนี้ยังมี ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา อินเดีย ซึ่งแม้จะยากแต่เป็นตลาดใหญ่ที่น่าจะขยายตัวได้ดีมาก ด้านเกาหลี ไทยไม่ได้มีการเจรจาการค้ามานาน แต่การส่งออกไปเกาหลีขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอาหารไทย อย่างไรก็ตามขณะนี้ไทยยังเสียเปรียบเวียดนามที่ได้มมีข้อตกลงการค้ากับเกาหลีทำให้ภาษีนำเข้าสินค้าไทยสูงกว่า เป็นต้น

นายสนธิรัยต์ กล่าวว่า ด้านสินค้า สินค้าไทยที่ยังมีความแข็งแกร่ง ได้แก่ สินค้าเกษตร ภาคการบริการ และการท่องเที่ยว ดังนั้น การส่งออกจะต้องรู้ว่าความต้องการสินค้าของตลาดโลกไปในทิสทางใด ทั้งนี้ ในปัจจุบันการส่งออกเปลี่ยนไปจะเห็นการส่งออกใน 2 ลักษณะ คือ การส่งออกแบบดั้งเดิม และการส่งออกผ่านอีคอมเมิร์ซและออนไลน์ ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมทั้งสองลักษณะ เพราะความสำเร็จในต่างประเทศที่เห็นชัดเจน ทั้งอาลีบาบา เถาเป่า ของจีน คูปัง ของเกาหลีใต้ที่ขยายตัวสูงปีละมากกว่า 100% แม้ว่าจะดำเนินการมาไม่นาน ซึ่งไทยก็ต้องมีการสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาเพื่อค้าขายและเป็นช่องทางการตลาดให้กับธุรกิจไทย เอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน รวมทั้งเกษตรกร เป็นต้น และคาดการณ์ต่อไปต้องขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ และเรื่องสำคัญคือ 5จี ที่ถ้าผมได้ทำงานต่อไป ยืนยันว่า 5จี มาแน่นอน และกลัวว่าหากไม่ใช่ผมเข้ามาคนที่เข้ามาจะทำไม่เป็น ซึ่ง 5จี เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเกิดขึ้นเพราะจะเปลี่ยนชีวิต ถ้าพวกผมมาจะทำแน่นอน โลกอนาคตยุคดิจิทัล ไทยจะตกขบวน 5จี ไม่ได้

Advertisement

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image