“เฟทโก้”คาดเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีแรก ฉุดดอลลาร์อ่อนค่า หุ้นปท.เกิดใหม่เนื้อหอม ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนมกราคม 2562 ว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยเรื่องอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับแข็งค่า ตลอดจนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ส่งผลกับแรงกดดันที่ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องน้อยลงด้วย เนื่องจากตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ย

นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งในประเทศ เบื้องต้นยังอยู่ในกรอบที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วันตามกรอบกฎหมาย จึงต้องรอพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) เลือกตั้งประกาศใช้ เพราะฉะนั้นหากเลื่อนแค่วันเลือกตั้ง น่าจะไม่มีผลกระทบกับนักลงทุน อย่างไรก็ตามมองว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในระยะยาวยังไหลเข้า แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องปัจจัยการเมือง แต่เชื่อว่าปัจจัยกดดันจากต่างประเทศยังมีมากกว่าการเลือกตั้ง ประกอบกับสิ่งที่นักลงทุนกังวล ไม่ใช่เรื่องการจัดการเลือกตั้ง แต่เป็นความต่อเนื่องของนโยบายมากกว่า โดยเฉพาะนโยบายหลักๆ ว่าจะมีการสานต่อหรือไม่อย่างไร

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์เช่นเดียวกันว่าในช่วงครึ่งปีแรก เฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยแค่ 1 ครั้ง หรืออาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเลย จากความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐเอง ทำให้เกิดภาวะการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐ ประกอบกับการลดการซื้อคืนพันธบัตร (บาลานช์ชีท)เดือนละ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งจะมีผลกับสภาพคล่องโลกในปีนี้ อย่างไรก็ตามการทำบาลานช์ชีทจะผลดีกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามาตลอด จะเริ่มอ่อนค่าลง ทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าในกลุ่มนี้มากขึ้น

ส่วนภาพรวมดัชนีหุ้นในเดือนมกราคม 2562 แม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย แต่มองว่าปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐกับจีน จะคลี่คลายขึ้นในปีนี้ ประกอบกับฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้าภูมิภาค ขณะเดียวกันเห็นนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานและคลัสเตอร์โรงแรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีความน่าสนใจ

Advertisement

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว อยู่ที่ระดับ 92.75 โดยดัยชีนความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนรานบุคคลปรับลดลงในรอบ 39 เดือน โดยสถานการณ์การเมืองเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยมากที่สุด ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยมากที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image