‘มาสด้า’ประกาศศักดา แชมป์ยอดขายอาเซียน

ค่ายรถยนต์มาสด้าถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย เป็นค่ายรถยนต์เก่าแก่อยู่คู่สังคมไทยมานาน

มาสด้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2494 ในฐานะผู้ร่วมทุนของบริษัท กมลสุโกศล จำกัด รถมาสด้ารุ่นแรกที่จำหน่ายในประเทศไทยเป็นรถกระบะ 3 ล้อ นำเข้าโดยตรงจากเมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น

จนกระทั่งปี พ.ศ.2542 บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้น เพื่อทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ถือว่าค่ายมาสด้าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และได้จัดงานแถลงข่าวถึงความสำเร็จ เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมเอส 31 สุขุมวิท 31 กรุงเทพมหานคร นำโดย นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย

Advertisement

นายชาญชัยกล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการวัดคุณภาพและฝีมือของคนยานยนต์ เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันที่สูงมาก ประกอบกับมาสด้าไม่ได้มีรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู้ศึกในตลาด แต่กลับทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ สาเหตุสำคัญเกิดจากความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อตัวโปรดักซ์ทุกรุ่น กิจกรรมการตลาดเข้าถึงทุกพื้นที่ การสื่อสารแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมียมแบรนด์ลูกค้าสัมผัสได้จริง ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายรวมทะลุถึง 70,475 คัน เติบโตถึง 37% โดยเฉพาะรถมาสด้า 2 ขึ้นแท่นครองอันดับหนึ่งตลาดรถเก๋งเล็ก ด้วยยอดขายสูงถึง 45,972 คัน เพิ่มขึ้น 45% ขณะที่รถอเนกประสงค์ CX-5 คว้ายอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ 8,184 คัน เพิ่มขึ้นถึง 69% ส่วนรถปิกอัพ บีที-50 โปร เริ่มกลับมาเป็นขวัญใจลูกค้าอีกครั้ง ด้วยยอดขาย 7,498 คัน เพิ่มขึ้น 26% ส่งผลให้มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 6.7% ถือเป็นส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก

Advertisement

นายชาญชัยกล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปี 2561 ผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ยอดขายอุตสาหกรรมรถยนต์ไว้ที่ประมาณ 920,000 คัน หลังจากผ่านครึ่งปีแรกหลายฝ่ายเริ่มมองตัวเลขที่ 1 ล้านคัน ในที่สุดสามารถปิดตัวเลขยอดขายรวมทั้งปี ประมาณการอยู่ที่ 1,040,000 คัน หรือเติบโตจากคาดการณ์ประมาณ 19% เปรียบเทียบกับตัวเลขยอดรวมเมื่อปี 2560 อยู่ที่ 871,650 คัน สำหรับรถยนต์มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 6.7% เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ล่างหน้าถึง 1 ปี

นายชาญชัยกล่าวว่า สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจของมาสด้าในปี 2562 คาดว่าตลาดรถยนต์จะทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อย ประมาณการตัวเลขอยู่ที่ 1.03-1.06 ล้านคัน ส่วนยอดขายมาสด้ามองว่าปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 75,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% ส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6.7% ปีนี้ยังคงเน้นการบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยการเสริมศักยภาพของทีมงานในองค์กรรวมถึงทีมงานของผู้จำหน่าย ที่สำคัญปีนี้ถือเป็นปีทองของมาสด้าจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 6 รุ่น มาพร้อมกับรูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ เจเนอเรชั่น 2 เทคโนโลยีสกายแอ๊กทีฟใหม่ ควบคู่ไปกับการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารที่ฝ่ายการตลาดได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น

มร.อัตสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของมาสด้า ด้วยยอดขายอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน สูงสุดติดกันมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ที่สำคัญ มาสด้า มอเตอร์ ยังคงให้การสนับสนุน มาสด้า ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งการลงทุนและเทคโนโลยี ในปีนี้มาสด้ากำลังจะก้าวไปสู่รถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 การมาของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด สกายแอ๊กทีฟ-เอ็กซ์ เป็นการผสมผสานคุณลักษณะเด่นของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรวมไว้ด้วยกัน เมื่อกล่าวถึงเครื่องยนต์ คงต้องกล่าวถึงเรื่องเทคโนโลยีทางด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV เครื่องยนต์ สกายแอ๊กทีฟ-เอ็กซ์ นั้น เราได้ผนวกเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ามาด้วย ในส่วนนี้เราได้คิดตั้งแต่เริ่มกระบวนการพัฒนา หรือ เวล ทู วีล (Well-to-Wheel) ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านกระบวนการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน เพราะมาสด้าได้เล็งเห็นปัญหาในเรื่องของภาวะโลกร้อน จึงเป็นที่มาของนโยบาย ซัสเตนเนเบิล ซูม ซูม 2030 (Sustainable Zoom-Zoom 2030) เพื่อให้โลกยังคงสวยงาม เพื่อผู้คน และสังคมของเรา มีความงดงามและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า การสื่อสารถือเป็นหัวใจหลักสำคัญ จำเป็นต้องพัฒนาการสื่อสารให้ครบทุกช่องทาง โดยเฉพาะออนไลน์ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เริ่มจากการกำหนดสไตล์ของแบรนด์ หรือ มาสด้าแบรนด์ สไตล์ (Mazda Brand Style) เพื่อให้เกิดการจดจำและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ จะเป็นสิ่งที่มาสด้าต้องถ่ายทอดและให้ลูกค้าเห็นได้ในทุกที่ และสิ่งนี้ยังเป็นการปูทางไปสู่การมาของรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นที่ 7 เราได้ปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของโลโก้ รูปแบบตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งการวางองค์ประกอบของภาพถ่าย และพื้นที่ในการจัดแสดงรถทั้งภายในโชว์รูมและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด

นายธีร์กล่าวว่า นอกจากนี้ มาสด้าจะปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ จะเผยโฉมให้ทุกท่านได้เห็นในเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ใหม่นั้นจะมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เสมือนเป็นหน้าต่างให้ผู้ใช้เข้าสู่โลกของมาสด้าอย่างแท้จริง เป็นการร้อยเรื่องราวของแต่ละส่วนให้มีความสมูธน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเราจะอยู่ในยุคที่ข่าวสารมีอยู่มากมาย หลากหลายช่องทาง และยังมาในรูปแบบหลายอย่างเป็นเทรนด์ที่มาเร็วและไปเร็ว ทำให้หลายคนมองว่าพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลากหลายพฤติกรรมยังคงอยู่ ปัจจุบันสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือ ความง่ายและสะดวก มาสด้าจะยังคงสร้างสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าเกิดการรับรู้ในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการทำการตลาดหรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่เราใช้นั้นต้องสอดคล้องไปตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ดร.ปณัสย์ บุญค้ำ รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย กล่าวว่า แผนงานเพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาสด้า ปัจจัยสำคัญต้องเร่งลงมือทำและต้องทำอย่างต่อเนื่อง คือ การขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้ว 21 แห่งทั่วประเทศ เป้าหมายปีนี้คือ 28 แห่ง ภายในปี 2021 จะเพิ่มขึ้นเป็น 58 แห่ง นอกจากนี้ กระบวนการให้บริการหลังการขายถือเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้น สิ่งต้องเร่งพัฒนาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือประสิทธิภาพของช่องซ่อม ราคาอะไหล่สามารถแข่งขันได้ การจัดส่งอะไหล่ต้องรวดเร็ว ปัจจุบันเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการจัดส่งอะไหล่ถึง 3 ครั้งต่อวัน ส่วนต่างจังหวัดจัดส่ง 1 ครั้ง ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพศูนย์บริการ และประสิทธิภาพบุคลากรของผู้จำหน่ายต้องมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นายสมหมาย แซ่อึ้ง รองประธานบริหารฝ่ายขาย กล่าวว่า สถานที่ที่เราจะพบกับลูกค้าได้นั้น ปัจจุบันมาจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ ประกอบด้วย โชว์รูม การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ (Local Event) และจากสื่อออนไลน์ มาสด้ามีแผนสำคัญ 2 เรื่องหลัก เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์หลักพัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้จำหน่ายคือ เพิ่มปริมาณการจัดกิจกรรมบนโชว์รูม กิจกรรมโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น การจัดงานที่โชว์รูม ภายใต้ชื่องาน คือ มาสด้า เน็กซ์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ (MAZDA NEXT EXPERIENCE) และการจัดงานที่ห้างสรรพสินค้า คือ มาสด้า สกายแอ็กทีฟ เฟสติวัล (MAZDA SKYACTIV FESTIVAL) ปัจจุบันนี้มาสด้ามีโชว์รูมทั้งหมด 139 แห่ง จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2561 มีการปรับปรุงโชว์รูมภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ไปแล้ว 81 แห่ง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 115 แห่ง จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปีงบประมาณ 2562

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image