แลนด์ประกาศชัดปีนี้ไม่เปิดคอนโดใหม่เหตุปัจจัยไม่เอื้อ มั่นใจทั้งระบบเปิดตัวโครงการน้อยกว่าปีที่แล้ว

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้น่าจะหนักกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการควบคุมอัตราการปล่อยสินเชื่อต่อทรัพย์สิน (แอลทีวี) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดจองไว้ที่ 33,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารับรู้รายได้ไว้ที่ 37,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% โดยมาจากธุรกิจเพื่อขายประมาณ 32,000 ล้านบาท และอีก 5,000 ล้านบาทมาจากธุรกิจให้เช่า เช่นอพาร์ทเมนท์ ศูนย์การค้า โรงแรม โดยส่วนนี้จะเติบโตจากปีที่ผ่านมากว่า 30% ทั้งนี้ในปีนี้มีการตั้งงบลงทุนเพื่อซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพื่อขาย 7,000 ล้านบาท และที่เหลือซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการให้เช่า นอกจากนี้มีแผนที่จะขายธุรกิจให้เช่าอีก 1 โครงการคือเซ็นเตอร์พอยท์ทองหล่อเข้ากองรีท 1 โครงการด้วยขณะเดียวกันมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกประมาณ 12,000 ล้านบาทเพื่อนำมาชำระหนี้เดิมและที่เหลือเพื่อขยายธุรกิจ

“อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทนั้นยอมรับว่าปีนี้เป็นปีแรกในรอบหลายๆปีที่จะไม่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมา และปีนี้ผู้ประกอบการต้องลงทุนอย่างระมัดระวังและต้องปรับตัวโดยเฉพาะการบริหารองค์กร สถานะทางการเงิน และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และจากปัจจัยเหล่านี้เชื่อว่าโดยภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯในปีน่าจะมีการเปิดตัวน้อยกว่าในปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งผู้ประกอบการระมัดระวังขึ้นและเชื่อว่าแนวราบจะเปิดตัวมากกว่าแนวสูงแน่นอน และการเปิดตัวโครงการใหม่โดยรวมน่าจะลดลงจากปี 2561 ที่มีการเปิดตัวประมาณ 98,000 ยูนิต”นายอดิศรกล่าว

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทแลนด์ฯ กล่าวว่า ปีนี้มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 29,960 ล้านบาทโดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ส่วนคอนโดมิเนียมนั้นจะต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งระหว่างรอดูก็จะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เช่น การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม การขออนุญาตก่อสร้าง ไว้ให้พร้อม ซึ่งเมื่อสถานการณ์ดีก็จะดำเนินการได้เลย แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะไม่เปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพราะเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจากการคุมสินเชื่อของธปท.แน่นอน

“ในปี 62 คาดว่าจะมีโครงการร่วมทุนระหว่างไทยกับต่างชาติน้อยลง และการเปิดโครงการคอนโดในภาพรวมก็ลดลงเพราะสถานการณ์ดอกเบี้ย การคุมสินเชื่อของสถาบันการเงินส่งผลให้การซื้อเพื่อการเก็งกำไรลดลง และต่างชาติเข้ามาซื้อเพื่อการลงทุนลดลง”นายนพรกล่าวและว่าอย่างไรก็ตามในเรื่องการคุมสินเชื่อของสถาบันการเงินเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาโดยพบว่าลูกค้าของบริษัทที่ซื้อบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาทมียอดรีเจคหรือปฏิเสธสินเชื่อ 11-12% หากเป็นบ้านสูงกว่า 10 ล้านยอดรีเจคประมาณ 7% และหากแยกเฉพาะคอนโดมียอดรีเจค 3% ส่วนต่างจังหวัดมียอดรีเจค 12-13%

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image