ที่สำนักงานใหญ่การบินไทย นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เกี่ยวกับความคืบหน้าแผนการฟื้นฟูการบินไทย และวาระที่มีการหารือในที่ประชุมว่า การบินไทยจะส่งแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ จำนวน 38 ลำ วงเงิน 200,000 ล้านบาท ให้กับกระทรวงคมนาคม อย่างเร็วสุดภายในวันที่ 18 มกราคมนี้ และช้าสุดคือภายในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามลำดับ โดยข้อสรุปจะเป็นไปตามที่ปรึกษาสรุปไว้ ซึ่งประเมินว่าการกระบวนการจัดหาเครื่องบินลำใหม่ ตลอดจนการทยอยส่งมอบเครื่องบิน จะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดประมาณ 2 ปีตามมาตรฐาน ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปการจัดหาแหล่งเงินทุน 2-3 เดือน เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุน (ดีอี) ปัจจุบันอยู่ที่ 8 เท่า
“สำหรับแผนการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ แบ่งเป็นเป็นการซื้อเครื่องบินทดแทนเครื่องเก่า 31 ลำ และเครื่องใหม่ 7 ลำ ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ปี 2554 ที่อนุมัติให้การบินไทยจัดหาเครื่องบิน 75 ลำ โดยทยอยจัดหาไปแล้ว 37 ลำ และเหลืออีก 38 ลำ ตามแผนนี้ ส่วนข้อตกลงการจำหน่ายเครื่อง บิน บอร์ดอนุมัติขายเครื่องบินแล้ว 16 ลำ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะขายได้ทั้งหมดในปีนี้ โดยจะทยอยบันทึกรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 เป็นต้นไป จึงคาดว่าจะทำให้ในปีนี้บริษัทมีกำไรเล็กน้อย และอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาอีก 4 ลำ” นายสุเมธกล่าว
นายสุเมธกล่าวว่า ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บอร์ดพยายามจะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องลง โดยในจะเน้นความถี่ในเส้นทางบินเดิมมากขึ้น เพื่อลดการขาดทุนเพิ่มขึ้น และวางแผนเพิ่มรายได้จากธุรกิจขายของที่ระลึกเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ตั้งเป้าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 75-78% และคาดการณ์รายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหรือที่ประมาณ 200,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสำหรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่อาจจะมีผลกระทบกับราคาต้นทุน ไม่ได้เป็นกังวล เพราะเป็นปัจจัยที่กระทบต้นทุนคู่แข่งเช่นกัน โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ที่อาจจะทำให้เปอร์เซ็นต์ราคาหน้าตั๋วแพงขึ้น ส่วนการปรับดำเนินงานของสายการบินไทยสมายล์ จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ