‘ประชาชน’ แห่จองบ้านเอื้ออาทรในงาน ‘บ้านล้านหลัง’

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า กคช.ได้นำโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงภูมิภาค เข้าร่วมโครงการ “บ้านล้านหลัง” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคักในปี 2562 กคช.จึงได้นำโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 141 โครงการ 10,070 ยูนิต ราคาเริ่มต้นเพียง 374,000 บาท มาเข้าร่วม โดย ธอส.ได้เปิดให้จองสิทธิไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ ธอส. ซึ่งพบว่าประชาชนได้ไว้ใจเลือกที่อยู่อาศัยของ กคช.และจองสิทธิสินเชื่อกว่า 3,428 ราย โดยเฉพาะโครงการบ้านเอื้ออาทรมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของประชาชน เพราะเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพในราคาที่สามารถรับภาระได้ รวมถึงยังมีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะแก่การอยู่อาศัย เพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่นมีความสุข และที่สำคัญโครงการบ้านเอื้ออาทรยังตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมและกระจายอยู่ในทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไว้รับรองความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างแท้จริง

“ประชาชนให้ความสนใจจองสิทธิโครงการบ้านเอื้ออาทร ในโครงการ ‘บ้านล้านหลัง’ ในหลายโครงการ อาทิ โครงการบ้านเอื้ออาทร รังสิต (คลอง 2) โครงการ เชียงใหม่ (สันป่าตอง) โครงการบ้านเอื้ออาทรระยอง (บ้านฉาง 3) โครงการบ้านเอื้ออาทร ภูเก็ต (ถลาง เฟส 1) และโครงการบ้านเอื้ออาทร ยโสธร 2 (สำราญ) ทั้งนี้ ธอส.ได้เปิดให้ผู้จองสิทธิ ‘สินเชื่อบ้านล้านหลังกับ ธอส.’ ในกลุ่ม 59,000 ล้านบาทแรก จากยอดจองสิทธิสินเชื่อทั่วประเทศ 127,000 ล้านบาท ยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 29 มีนาคม 2562 ส่วนสิทธิที่เหลือกำหนดให้ยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-28 มิถุนายน 2562 โดย ธอส.เตรียมที่จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการภายในเดือนมกราคม 2562 เพื่อพิจารณาปรับสัดส่วนการให้สินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังใหม่ ภายใต้วงเงินเดิม 50,000 ล้านบาท โดยจะปรับสัดส่วนให้สินเชื่อกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือน จากเดิมกำหนดไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท และลดสัดส่วนสินเชื่อที่จะให้กลุ่มผู้มีรายได้สูงกว่า 25,000 บาทต่อเดือน เหลือเพียง 10,000 ล้านบาท” ดร.ธัชพลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image