นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้มีปัจจัยบวกที่น่าสนใจ และมีเหตุการณ์ที่น่าติดตามหลายเรื่อง จึงประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,650 จุด โดยเหตุการณ์ที่น่าติดตามเป็นเรื่องของผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามหากดูภาพรวมของเศรษฐกิจคาดว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับการขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้ง ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดไว้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว ยังมีเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน รอบ 2 หลังจากรอบแรกประสบความสำเร็จไปมากพอสมควร โดยหากเป็นไปได้ด้วยดีจะส่งผลบวกต่อตลาด รวมถึงตัวเลขดัชนี PMI ของจีนและสหรัฐ ที่ในปี 2561 เป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง เนื่องจากตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมหลายประเทศปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงทั้งสหรัฐฯ จีน ยุโรป รวมถึงไทย ซึ่งหากผลสรุปออกมาดีคาดว่าบรรยากาศภาพรวมตลาดจะดีขึ้น
นายชัยยศ กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่หนุนตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวดีขึ้น เป็นเรื่องของการเมืองที่ประกาศวันเลือกตั้งออกมา ทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น และการที่ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ทำข้อตกลงร่วมกับสภาคองเกรส ในการยุติการซัตดาวน์สหรัฐฯชั่วคราวจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยตอบรับในแดนบวกได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่มีเป็นเรื่องของการรายงานงบการเงินในไตรมาสที่ 4 ที่นักลงทุนอาจมองข้ามไป จึงอยากให้เข้าไปสำรวจหุ้นของตนเองว่า มีงบการเงินดีมากน้อยขนาดไหน
“กลยุทธ์ที่แนะนำคือ Selective Buy โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ทั้งก่อนการเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้ง อาทิ SSSG ของ ROBINS เนื่องจากก่อนการเลือกตั้งมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก และฐานลูกค้าของโรบินสันมีตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับกลาง ทำให้คาดว่าโรบินสันจะมีผลประกอบการที่เติบโตมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของโรบินสันเป็นเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาข้าวที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยหนุนรายได้และกำไรของบริษัทฯมากขึ้น” นายชัยยศ กล่าว
ส่วนจะมีหุ้นตัวใดที่เด่นและมาแรงบ้าง ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!
