| ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | ศัลยา ประชาชาติ |
| เผยแพร่ |
ข่าวการประกาศขายหุ้น “บิ๊กซี ประเทศไทย” ของ “คาสิโน กรุ๊ป” ค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส ที่ถือหุ้น “บิ๊กซี” หรือ บริษัท บ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) อยู่ถึง 58.6% เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงค้าปลีกเมืองไทยอีกครั้ง
หลังจากช่วงปลายปี 2558 ที่คาสิโนเพิ่งประกาศขายกิจการ “บิ๊กซี” ในเวียดนาม และตามมาด้วยกระแสข่าวการเตรียมจะขายหุ้นบิ๊กซีในเมืองไทย จนทำให้ผู้บริหารบิ๊กซี ต้องรีบออกมาสยบข่าวทันทีว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งยืนยันว่าจะยังมีการดำเนินกิจการและมีการลงทุนเปิดสาขาเพิ่มตามปกติ
แต่สุดท้าย กระแสข่าวดังกล่าวก็กลายเป็นความจริง เมื่อกลุ่มคาสิโนออกมายอมรับ
คาสิโน กรุ๊ป ประกาศผ่านเว็บไซต์ groupe-casino.fr ว่า หลังประกาศขายกิจการที่เวียดนาม มีผู้แสดงความสนใจจำนวนมากที่จะซื้อหุ้นบิ๊กซี ประเทศไทยด้วย จึงตัดสินใจขายหุ้นที่ดำเนินกิจการในเมืองไทยไปพร้อมๆ กัน
อย่างไรก็ตาม บิ๊กซี ประเทศไทย เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก โดยคาสิโนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และการขายหุ้นครั้งนี้ก็เป็นปกติของธุรกิจของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยบิ๊กซี ประเทศไทย ยังดำเนินธุรกิจตามปกติและทำงานกันอย่างหนัก เพื่อบรรลุเป้าหมายปี 2559 ทำให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จ
ขณะที่บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้รับแจ้งจากกลุ่มคาสิโนว่ามีผู้แสดงความสนใจจะซื้อหุ้นของบริษัทจากกลุ่มคาสิโน และกลุ่มคาสิโนกำลังพิจารณาว่าจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทหรือไม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้รับข้อมูลในเรื่องดังกล่าว
ทันทีที่มีการประกาศขายหุ้นบิ๊กซีในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ก็ปรากฏรายชื่อของกลุ่มทุนใหญ่หลายรายที่สนใจจะซื้อหุ้นบิ๊กซีออกมาเป็นระยะๆ และล้วนเป็นบิ๊กเนมทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ในนามของบีเจซี (เบอร์ลี่ ยุคเกอร์), กลุ่มจิราธิวัฒน์ หรือเซ็นทรัล, เครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และกลุ่มอิออน จากญี่ปุ่น
หากสังเกตจะเห็นได้ว่า รายชื่อที่ปรากฏดังกล่าวและทุกครั้งที่ผ่านมาก็ล้วนแต่เป็นกลุ่มทุนรายใหญ่รายเดิมๆ ที่สู้กันมาทุกสนาม ตั้งแต่สมัยคาร์ฟูร์ ถอดใจและถอยทัพออกจากเมืองไทยเมื่อช่วงปี 2553 โดยที่ขายหุ้นให้คาสิโน กรุ๊ป หรือบิ๊กดีลล่าสุด แม็คโคร ที่กลุ่มธุรกิจในเครือซีพีของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นผู้ชนะการประมูลไป
สำหรับดีลใหม่ล่าสุดครั้งนี้ ผู้เข้าชิง ก็ยังเป็นกลุ่มทุนรายใหญ่กลุ่มเดิมๆ ต่างมีความพร้อมทั้งเงินทุนและประสบการณ์ตรงกับค้าปลีกที่มีมาอย่างโชกโชน ทุกรายต่างก็มีเครือข่ายร้านค้าปลีกของตัวเองอยู่แล้ว หากคว้าดีลนี้มาได้ ก็จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่จะช่วยเติมเต็มธุรกิจ และช่วยให้การต่อ “จิ๊กซอว์” ธุรกิจมีความครบเครื่อง และต่อยอดธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในการเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าที่ตัวเองผลิตอยู่
นั่นเพราะว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกในไทยยังมีแนวโน้มและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก แม้จะมีการแข่งขันรุนแรงก็ตาม
หลังจากที่คาสิโนประกาศขายหุ้นบิ๊กซี เวียดนาม บีเจซี ก็ได้แสดงความสนใจบิ๊กซี เวียดนาม เช่นกัน โดย “นัทธ์หทัย ธนชัยหิรัญศิริ” ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ระบุว่า ฝ่ายบริหารจะนำเรื่องคาสิโนขายหุ้นบิ๊กซี เวียดนาม เข้าไปหารือ เนื่องจากเป็นหนึ่งในบริษัทที่บีเจซีให้ความสนใจเข้าไปลงทุน
เช่นเดียวกัน “ปริญญ์ จิราธิวัฒน์” รองประธานกรรมการกลุ่มเซ็นทรัล บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า สนใจจะซื้อหุ้นบิ๊กซี ทั้งในไทยและเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาสูงเกินไป บริษัทอาจจะตัดสินใจไม่ซื้อ
ถ้ายังจำกันได้ เซ็นทรัลนั้นถือเป็นผู้ก่อตั้งบิ๊กซีในยุคแรก ก่อนที่กลุ่มคาสิโนจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หากสำเร็จจึงเสมือนการหวนกลับสู่บ้านหลังเดิม
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทบิ๊กซีฯ ระบุว่า นอกจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ในนามบีเจซี ที่สนใจแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนจากจีนที่สนใจจะซื้อหุ้นจากคาสิโนด้วย
ถัดมา คาสิโน กรุ๊ป ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า แผนการจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 มีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านยูโร จะเพิ่มเป็นประมาณ 4 พันล้านยูโร ภายหลังจากที่ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจากผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ต้องการซื้อหุ้นบิ๊กซี ประเทศไทย
หรือเท่ากับว่า บิ๊กซีในไทย มีมูลค่าประมาณ 2 พันยูโร หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท
แต่เมื่อดูจากมาร์เก็ตแคปของบิ๊กซีในขณะนี้ ซึ่งมีประมาณ 2 แสนล้านบาท และคาสิโน กรุ๊ป ถือหุ้นอยู่ 58% ดังนั้น หากใครจะซื้อก็จะต้องทำเทรนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมดด้วย
ว่ากันว่า งานนี้ ผู้ที่สนใจซื้ออาจจะต้องควักกระเป๋ามากถึง 2 แสนล้านบาท
ขณะที่แหล่งข่าวในธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ระบุว่า การที่คาสิโน กรุ๊ป ถูกธนาคารเจ้าหนี้ในฝรั่งเศสเสนอให้ขายหุ้นบิ๊กซีในไทยเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ ทำให้เกิดดีลนี้ขึ้นมา และมีความเป็นไปได้สูงว่า คาสิโน กรุ๊ป จะใช้วิธีให้ผู้สนใจยื่นประมูลเข้ามา ทั้งบิ๊กซีไทย และบิ๊กซีเวียดนาม คล้ายๆ กับครั้งที่คาร์ฟูร์ขายให้คาสิโน กรุ๊ป
ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ได้ราคาสูงที่สุด
สุดท้ายคงต้องจับตากันแบบเกาะติดว่า เจ้าสัวรายใด จะช่วงชิงดีลนี้ไปครอบครองในท้ายที่สุด
