“ดับบลิวเอชเอ” คาดสงครามการค้ามะกัน-จีน ส่งผลดีเหตุนักลงทุนแห่เข้าไทย จ่อเปิดนิคมเพิ่ม 2 แห่ง

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีที่มีความหมายยิ่งสำหรับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เพราะไม่เพียงแต่ผลประกอบการทางธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นปีที่เราได้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ มากมายเพื่อสร้างความเป็นผู้นำ และวางรากฐานด้านกลยุทธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เตรียมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2562 นี้ โดยบริษัทยังคงมองสถานการณ์ในเชิงบวกแม้เศรษฐกิจโลกอาจมีการชะลอตัว อย่างไรก็ตามสำหรับปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญบางอย่างอาจพลิกเป็นโอกาสโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลดีต่อธุรกิจ เนื่องมาจากการเปลี่ยนทิศทางทางการค้าและการลงทุนมายังประเทศไทยและเวียดนามสำหรับอุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ขณะนี้ก็มีนักการลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาลงทุน และสนใจในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก

“ในปี 2562 และต่อจากนี้ ทิศทางกลยุทธ์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จะเน้นไปที่การยกระดับธุรกิจหลัก การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในธุรกิจให้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ทุกฝ่าย ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ให้มากที่สุด”นางสาวจรีพรกล่าว

นางสาวจรีพรกล่าวว่า เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์อีก 200,000 ตร.ม. โดยเพิ่มจำนวนพื้นที่ในครอบครองและภายใต้การบริหารจัดการของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมทั้งสิ้น 2,500,000 ตร.ม. และขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีก 5,750 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์จะเน้นไปที่การแสวงหาความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทและผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่าจากนโยบายของภาครัฐ โดยเน้นไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ การบินและอากาศยาน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าที่สูงยิ่งขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายพื้นที่ภายใต้การครอบครองและบริหารจัดการที่มีอยู่จำนวน 2,300,000 ตร.ม. เป็น 2,500,000 ตร.ม. และยังมีโครงการที่เตรียมดำเนินการก่อสร้างในปี 2562 ได้แก่ โครงการดับบลิวเอชเอ อี-คอมเมิร์ซพาร์ค จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการดับบลิวเอชเอ-เจดี อี-คอมเมิร์ซ เซ็นเตอร์ และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง 2 นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV โดยเน้นไปที่ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT 5,750 ล้านบาทผ่านกอง REIT ของบริษัทมูลค่า 34,300 ล้านบาท

นางสาวจรีพรกล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีนิคมฯ ที่ดำเนินการแล้วรวม 11 แห่ง โดย 10 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย (ในจำนวนนี้ นิคมฯ 9 แห่งได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)) และอีกหนึ่งแห่งในประเทศเวียดนาม ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มีที่ดินรวมทั้งสิ้น 68,500 ไร่ ซึ่งในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะพัฒนาที่ดินจำนวน 2,650 ไร่ ทำให้มีที่ดินที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานและที่ดินส่วนที่กำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 43,150 ไร่ และตั้งเป้าขายที่ดิน 1,600 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (S-curve) ทั้ง 12 กลุ่ม

Advertisement

“เชื่อมั่นว่าในปี 2562 นี้ จะสามารถสร้างผลประกอบการที่โดดเด่นด้วยแผนงานต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการมาและโครงการต่าง ๆ ในอนาคตที่เรามีอยู่ โดยคาดว่ารายได้และส่วนแบ่งกำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราผลกำไรของ EBITDA อยู่ในสถานะแข็งแกร่งมากกว่าร้อยละ 30 ส่วนงบดุลคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุน (Interest bearing debt-to-equity) ต่ำกว่า 1.1 เท่า ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปได้พัฒนาเติบโตอย่างยิ่งใหญ่มาจนถึงระดับที่เราสามารถมองไปยังอนาคตได้อย่างภาคภูมิใจและมั่นใจ เรายังมีความแข็งแกร่ง และศักยภาพที่จะหาโซลูชั่นในแต่ละธุรกิจเพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตก้าวไกลมากยิ่งขึ้น ไปพร้อม ๆ กับลูกค้าของเรา พันธมิตรทางธุรกิจ และบุคลากรของเราด้วย” นางสาวจรีพร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image