ดิจิเทรนด์ฟอร์เวิร์ด : สหรัฐ-จีนเปิดศึกเทคโนโลยี

จากการสร้างโครงข่ายพื้นฐาน เพื่อขึ้นมารองรับการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ของจีน เป็นเหตุให้รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้ประเทศพันธมิตร ได้แก่ อังกฤษ โปแลนด์ และเยอรมนี ร่วมกันคว่ำบาตรบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของโลกสัญชาติจีนอย่าง “หัวเว่ย” และบริษัทจีนอื่นๆ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหัวเว่ยอย่างหนัก เนื่องจากสหรัฐมีคำสั่งห้ามหัวเว่ยจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G ในประเทศตั้งแต่ปี 2555 โดยอ้างความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้ แม้ว่าหัวเว่ยจะออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่หลายครั้งว่า อุปกรณ์และเทคโนโลยี 5G ของจีน ไม่มีเทคโนโลยีสอดแนม แต่สหรัฐก็ไม่ยอมผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวแต่อย่างใด

ขณะที่รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ทรัมป์อยู่ระหว่างพิจารณายกระดับคำสั่งห้ามใช้สินค้าจาก     หัวเว่ย และแซดทีอี 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์โครงข่ายของจีนให้เป็นวาระระดับชาติ

ส่วนข้อมูลของหนังสือพิมพ์เดอะไทม์สระบุว่า รัฐบาลสหรัฐมองว่า การพัฒนาเทคโนโลยี 5G เป็นส่วนหนึ่งของการซ่องสุมกำลังของรัฐบาลจีน เพื่อชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ความอัจฉริยะ และกองกำลังทหาร ในขณะที่เทคโนโลยี 5G โดยพื้นฐานแล้ว มีไว้เพื่อรองรับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วระหว่างอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่งผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ต

Advertisement

ส่งผลให้การแข่งขันด้านเทคโนโลยี 5G เป็นประเด็นร้อนระอุ สอดคล้องกับกรณีที่สหรัฐขอร้องให้รัฐบาลแคนาดาจับกุมลูกสาวประธานบริษัทหัวเว่ยในแคนาดา ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการสงบศึกสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จนทำให้สงสัยว่าทั้งสองประเทศสงบศึกจริงหรือไม่

นอกจากนี้ บริษัทดอยช์ เทเลคอม เอจี กิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ในเยอรมนีระบุว่า ถ้ารัฐบาลเยอรมนีคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย และบริษัทเทคโนโลยี 5G อื่นๆ จากจีน จะส่งผลกระทบต่อการวางระบบ และโครงการพัฒนาเครือข่าย 5G ในประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากอุปกรณ์ที่จำเป็นหลายอย่างต้องนำเข้าจากจีน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image