โพลชี้ วาเลนไทน์ปีนี้กร่อย ใช้จ่ายต่ำสุดในรอบ 3 ปี เหตุเพิ่งผ่านช่วงตรุษจีน ห่วงท้องก่อนวัยอันควร

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมกราคม 2562 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2562 โตประมาณ 4-4.2% เนื่องจากผู้บริโภคเห็นว่าการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเสถียรภาพทางการเมืองของไทยในอนาคต สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเริ่มคลี่คลายลงและการที่นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยหลังจากประเทศไทยได้ยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่า ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อในปัจจุบันกลับฟื้นตัวขึ้น และความเชื่อมั่นต่างๆ ในอนาคตเริ่มปรับตัวดีขึ้น

“แต่ในส่วนของผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูงจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่อาจจะมีผลกระทบทั้งเศรษฐกิจ และการค้า เป็นต้น ทั้งนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่คาดการณ์ว่าเม็ดเงินจากการเลือกตั้งน่าจะช่วยดึงให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.3-0.5% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2562 น่าจะขยายตัว 3.5-4% และจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น” นายธนวรรธน์กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 53.4 มาอยู่ที่ระดับ 54.5 แสดงว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังไม่ดีเท่าที่ควร ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต หรือในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน โดยปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 90.8 มาอยู่ที่ระดับ 92.3 ซึ่งยังปรับตัวอยู่ใกล้เคียงระดับ 100 มากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในอนาคต

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 67.7 75.8 และ 98.7 ตามลำดับ โดยปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ เมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนธันวาคม 2561 ที่อยู่ในระดับ 66.3 74.6 และ 97.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ที่ระดับ 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตมากนัก

Advertisement

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ปีนี้ ไม่คึกคัก คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนประมาณ 3,700 ล้านบาท หรือลดลง 3.17% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 2,318 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นเพราะพึ่งผ่านช่วงเทศกาลตรุษจีนมา ทำให้ประชาชนเลือกที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แทน และเนื่องจากสินค้าในช่วงเทศกาลมีราคาแพงขึ้น เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้คู่รักต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ในช่วงของเทศการวันแห่งความรัก ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังห่วงในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์และท้องก่อนวัยอันควร จึงอยากให้ทุกฝ่ายรวมถึงผู้ปกครองร่วมกันตระหนักและดูแลในเรื่องนี้ เพราะมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี

“ส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงวันมาฆบูชา คาดว่ามูลค่าเงินสะพัดอยู่ที่ 2,667 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3.12% ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 1,642 บาท เนื่องจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีเทศกาลเกือบทุกสัปดาห์ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สนใจนำเงินมาทำบุญมากกว่า ไปซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์” นายธนวรรธน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image