จอดป้ายประชาชื่น : ปล่อยไฟลามทุ่ง

จากมติของ คณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ยังไม่มีการยกเลิกการใช้วัตถุอันตราย 3 รายการ ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และ ไกลโฟเซต ใช้เฉพาะ 6 พืช ได้แก่ ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด และไม้ผลที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น และยืดเวลาการใช้ออกไปอีก 2 ปี เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มีการ   ถกเถียงกันทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ย้อนเวลากลับไป เรื่องนี้มีเกษตรกรรวมถึงประชาชนออกมาพูดถึงประเด็นแบนสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูงปีเดียวกันนั้นมีมติให้ยกเลิกการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปไม่น้อย     ลือกันหนาหูว่าเรื่องนี้ผลประโยชน์มหาศาล

แต่ที่ผ่านมาคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าหาข้อยุติ โดยลืมคำนึงถึงเกษตรกรและประชาชน เพราะจากการสอบถามเกษตรกรหลากหลายพื้นที่ พบว่า ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับบทบาทศึกษาหาแนวทางและวิธีการใหม่ๆ ที่จะนำมาทดแทน 3 สารเคมีข้างต้น ควรหาช่องทางการนำเสนอข้อมูล หรือจัดทำวิดีโอสาธิตการใช้สารแต่ละชนิดให้ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรให้ไปในทิศทางเดียวกัน

ปล่อยไฟเริ่มลามทุ่งไปเรื่อยๆ จน นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการด่วนที่สุดให้จำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิดทันที โดยเร่งให้ความรู้กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้จำหน่าย เกษตรกร    ผู้ประกอบการลูกจ้างรับฉีดพ่นสารเคมี พร้อมจัดตั้งคณะอำนวยการขับเคลื่อนการจำกัดการใช้สารเคมีระดับกระทรวงขึ้นมา โดยมีปลัดกระทรวงเป็นประธาน อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นเลขานุการ ต้องรายงานผลการดำเนินงานทุก 3 เดือน และมอบหน้าที่ให้กรมวิชาการเกษตรเร่งสำรวจสต๊อกสาร 3 ชนิด ทั้งจากผู้นำเข้าและร้านจำหน่ายที่ถูกระบุว่ามีการกักตุนสารเคมีเหล่านี้ไว้เป็นจำนวนมาก จึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อยืนยันให้สาธารณชนมั่นใจในการลดการนำเข้า

Advertisement

หากวิเคราะห์ด้วยตาเปล่าปัญหานี้มีอนุภาคหนากว่าฝุ่นเสียอีก ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีแบนไปเลย หรือยืดเวลาออกไป แต่ละองค์กรจะขับเคลื่อนด้วยวิธีใด ข้อสรุปทิศทางใด แต่ที่แน่ๆ ถือเป็นอีกบททดสอบของรัฐบาลนี้ว่าจะสามารถข้ามผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างไรให้จบสวยที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image