“เคจีไอ” ปรับลดมุมมองตลาดหุ้นไทยลง เหตุปัจจัยบวกภายนอกยังมี แต่ตลาดรับรู้ไปแล้ว (มีคลิป)

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ปัจจัยภายนอกยังถือว่าเป็นบวกอยู่ และคาดว่าตลาดมีการรับรู้เรื่องนี้ในระยะหนึ่งแล้ว โดยนักลงทุนคงมีการติดตามในเรื่องของความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเชื่อว่าในสัปดาห์ที่สามของเดือนนี้ สหรัฐฯและจีนน่าจะสามารถทำข้อตกลงร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ที่จะสามารถสร้างความชัดเจนได้ในกลางเดือนมีนาคมนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยอมเลื่อนกำหนดเส้นตายการปรับขึ้นภาษีจากวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมาออกไปก่อน โดยคาดว่าน่าจะมีการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯและผู้นำจีนในกลางเดือนมีนาคมนี้ ที่สหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เคจีไอมองว่าปัจจัยดังกล่าวอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไม่ได้มากนัก เพราะมีการเกร็งกำไรกันไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา

นายรักพงศ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องติดตามเป็นเรื่องความผันผวนของการเมืองไทย โดยแนะนำให้นักลงทุนติดตามการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีการยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ ในวันที่ 7 มีนาคมนี้ ซึ่งมองว่าทุกอย่างคงเดินไปตามกระบวนการยุติธรรมของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯประกอบกับการที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงบ้างแล้ว ทำให้ค่าเงินบาทพลิกตัวกลับมาอ่อนค่าลงค่อนเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความกังวลของภาคการส่งออกไปได้บ้าง แต่ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลลบต่อกระแสเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นเดียวกัน

“ในเดือนมีนาคมนี้ ฝ่ายวิจัยของเคจีไอได้ปรับลดมุมมองต่อหุ้นไทยลดลง โดบแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนให้มากขึ้น เนื่องจากผลประกอบการของบจ.ในไตรมาส 4 ที่ทยอยประกาศออกมานั้น ค่อนข้างน่าผิดหวังจนทำให้มีการปรับลดคาดการณ์กำไรของบจ.ในปี 2562 ถึงแม้ว่าปัจจัยบวกจากต่างประเทศยังทยอยออกมา แต่ตลาดหุ้นโลกได้รับรู้ปัจจัยต่างๆไปค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุน โดยให้นักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ (Big caps) และหันไปจัดพอร์ต โดยเน้นหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นเด่นในช่วงนี้ อาทิ หุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน หรือมีแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2562 เติบโตโดดเด่น รวมถึงกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในระดับสูง เป็นต้น”นายรักพงศ์ กล่าว

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image