ด้วยการเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ฝ่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายครั้ง หลายคนคงจะจำภาพธนาคารกรุงไทยว่าเป็นองค์กรที่เก่าแก่และอาจจะเชื่องช้า ด้วยอายุที่มากกว่า 50 ปี
แต่การดำเนินธุรกิจที่ต้องปรับไปตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ธนาคารกรุงไทยนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงของการเงินการธนาคารยุคใหม่ในยุคดิจิทัล ต้องขับเคลื่อนโมเดลดิจิทัลแบงกิ้ง
ภายใต้การนำทัพของหัวเรือใหญ่ อย่าง ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ประกาศว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ธนาคารเตรียมความพร้อมสร้างกล้ามเนื้อให้เข้มแข็งอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมรับทุกสถานการณ์ในสมรภูมิการเงินการธนาคารที่ต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง!
ผยงฉายภาพให้กับคณะสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางไปดูงาน แอดวานซ์เทค บริษัทชั้นนำของไต้หวัน ด้านการให้บริการด้านเทคโนโลยี โซลูชั่นด้านออโตเมชั่นอุตสาหกรรม อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (ไอโอที) ดาต้าอนาไลติกส์ ว่า จุดสำคัญ ปีนี้จะเป็นปีแห่งการ “Execution” หรือ “ปีแห่งการลงมือทำ” ภายใต้ยุทธศาสตร์การเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่จะก้าวสู่ “Invisible Banking” หรือธนาคารในอากาศที่ไม่มองเห็น ซึ่งได้เรียนรู้และตกผลึกว่า ที่สุดแล้วการให้บริการธนาคารต้องไร้ตัวตน แต่!… ติดตัวและเคลื่อนที่ไปกับลูกค้าในการทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา
เช่นเดียวกับแกร็บ (Grab) สามารถเรียกใช้บริการได้โดยไม่ต้องออกไปรอโบกรถ ไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าชำระค่าบริการ แค่ตัดผ่านบัตรเดบิตหรือเครดิต ทั้งหมดนี้มีการให้บริการโดยธนาคาร
เพราะสามารถตัดผ่านบัตรเดบิต บัตรเครดิตที่ผูกไว้ได้ และไม่ต้องกังวลธุรกรรมการเงินที่เกิดขึ้น เพราะมีการเก็บข้อมูลอยู่ในฐานข้อมูลออนไลน์ ทั้งหมดนี้คือการให้บริการธนาคารแต่อยู่ข้างหลัง ในรูปแบบที่ไร้ตัวตนไปแล้ว
สะท้อนว่าการเดินทางของกรุงไทยภายใต้ดิจิทัลอีโคซิสเต็ม มาถูกทางแล้ว แต่ต้องเดินลึกไปอีก ด้วยกลยุทธ์การลงมือทำ ผ่าน 5P โดยมีกรุงไทยคุณธรรมเป็นหลัก เป็นการยกระดับธนาคาร ด้วยแนวคิดและปรัชญาที่พนักงานกรุงไทยต้องไม่เพิกเฉยกับการทุจริต การทำไม่ถูกต้อง ปล่อยให้กระบวนการทำงานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือหย่อนประสิทธิภาพลง
ปีที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโมบายแบงกิ้ง หรือ กรุงไทย Next โดยขั้นตอนการพัฒนามีการปรึกษาที่ปรึกษา แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากทีมงานกว่า 100 คนของธนาคาร ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 4 ล้านราย คาดสิ้นปีนี้ทะลุ 10 ล้านราย พร้อมเพิ่มงบลงทุนด้านไอทีจากเดิมตั้งเป้าใช้ปีละ 2,000-2,500 ล้านบาท เป็น 5 ปี (2552-2565) อีกกว่า 19,000 ล้านบาท และเฉพาะปีนี้ใช้งบมากถึง 12,000 ล้านบาท
หัวใจบริบทธนาคารในอนาคต ผยงบอกว่าต้องลดต้นทุนการให้บริการ โดยทุก 1 ล้านบาทของรายได้ที่ลดลง ต้องทดแทนกลับมาด้วยต้นทุนที่ลดลง 4-5 ล้านบาท ลดกระบวนการแบบแมนนวล นำแมชชีน ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้แทน
สำหรับกลยุทธ์การทำงาน 5P ผยงขยายความว่า ประกอบด้วย 1.Platform จุดที่ธนาคารกรุงไทยแข็งแกร่งที่สุดคือการเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐเพียงแห่งเดียว ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของรัฐบาล เพื่อผลักดันและมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 เหมือนถนนทูเวย์ที่อำนวยความสะดวกให้ทุกท้องถิ่นเข้าถึงตลาดและการชำระเงินสร้างความเป็นอยู่ที่ดี
2.Partnership เป็นพันธมิตรกับธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงข้ามอีโคซิสเต็ม ทั้งระบบขนโลจิสติกส์ที่เข้าเป็นไปพาร์ตเนอร์กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การร่วมกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และอื่นๆ
3.People ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมามีการประเมินอัตรากำลังแรงงานในระดับที่เหมาะสมมากขึ้น แต่ไม่มีนโยบายปลดพนักงาน แม้การลดจำนวนถือว่าจำเป็นแต่จะเป็นไปตามธรรมชาติ คือเออลี่รีไทร์ ลาออกเองเพื่อไปประกอบอาชีพอื่น คาดว่าในช่วง 4 ปีนี้ จำนวนพนักงานจะลดลง 30% จากที่มีอยู่ 22,000 คน ซึ่งจะปรับทักษะการทำงานเพราะธุรกรรมผ่านช่องทางโมบายแบงกิ้งสามารถทำได้กว่า 80% ของธุรกรรมสาขาแล้ว
4.Process การอบรมเพิ่มทักษะให้พนักงานใช้ดิจิทัลในการทำงานและให้บริการลูกค้า เพราะสาขาธนาคารยังถือว่าจำเป็นหากยังไม่สามารถพัฒนาบริการผ่านช่องทางดิจิทัลให้สมบูรณ์ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ การไล่ปิดสาขาก่อนหน้านี้จึงเริ่มชะลอลงแล้ว และกำลังจะกลับมาเปิดสาขาในเดือนมีนาคมนี้แต่จะเป็นรูปแบบใหม่รวม 20 สาขา
สุดท้ายที่ผยงย้ำ ทั้งหมดจะสะท้อนออกมาผ่าน 5.Performance คือผลการดำเนินงาน เพราะธนาคารยังต้องดูแลผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของธนาคารด้วยเช่นกัน
ไม่ช้านานนี้เราอาจจะไม่เห็นธนาคารกรุงไทย (ในรูปแบบเดิมๆ อีก) เพราะกำลังกลายร่างเป็น… Invisible Banking ไปแล้ว แต่สะดวกกว่าเดิมแน่นอน!!!
จุฑามาศ ศรีสวัสดิ์
