“คอลลิเออร์ฯ” ชี้อาคารสำนักงานน่าลงทุนผลตอบแทนดี

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผลต่อทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ช่วงต้นปีผู้ประกอบการได้ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ เนื่องจากรอดูความชัดเจนเรื่องนโยบายเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมือง ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญและเป็นจุดเปลี่ยนต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะนโยบายของภาครัฐและนโยบายด้านการลงทุน

“อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มองว่าพรรคการเมืองไหนจะเข้ามาบริหารประเทศและจมาซัพพอร์ตอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มองคือเรื่องการเมืองที่มีเสถียรภาพ เพราะหากการจัดตั้งรัฐบาลแล้วไม่มั่นคงก็จะกระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะไม่มีใครกล้าลงทุน โดยดูได้จากในช่วงอดีตช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการใหม่กว่า 5 แสนยูนิต ขณะที่ปีก่อนหน้านั้นคือช่วง 52-56 ที่มีการชุมนุมประท้วงมีการเปิดตัวโครงการใหม่แค่ 2.1 แสนยูนิตเท่านั้น เป็นการแสดงให้เห็นความภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องการความมีเสถียรภาพด้านการเมือง”นายภัทรชัยกล่าว

นายภัทรชัยกล่าวว่า สำหรับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะมีการหดตัวลงจากปี 2561 ประมาณ 20%  โดยคาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไปและหนาแน่นในช่วงครึ่งหลังของปีไปแล้ว โดยเฉพาะการเปิดคอนโดมิเนียม ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้จะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 20,000 ยูนิต และคาดว่าทั้งปีจะมีการเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 5.5 หมื่นยูนิต โดยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2562) มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วประมาณ 8,443 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 45,432 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 59.6% ซึ่งเปิดที่ 20,000 กว่ายูนิตมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้สำหรับทำเลที่น่าสนใจของการลงทุนคอนโดมิเนียมในปีนี้ คือแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ จำนวน 3 สายคือ 1.สายสีส้มช่วงพระราม 9-รามคำแหง-หัวหมาต่อเนื่องไปถึงแยกลำสาลี 2.สายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว ซึ่งส่วนนี้ทางกรุงเทพมหานครจะมีการปรับผังเมืองใหม่ เพื่อรองรับรถไฟฟ้าทำให้สามารถพัฒนาได้มากขึ้น และ 3.สายสีชมพูช่วงรามอินทราเพราะราคาที่ดินยังไม่สูงเมื่อเทียบกับย่านอื่นทำให้สามารถพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับกลางได้

Advertisement

นายภัทรชัยกล่าววว่า สำหรับประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีในปีนี้คือธุรกิจสำนักงานหรือออฟฟิศ เนื่องจากอาคารสำนักงานแห่งใหม่เปิดตัวค่อนข้างน้อย จึงทำให้ผลตอบแทนการลงทุนมีอัตราที่ดีโดยอยู่ที่ 5-7% สูงกว่าตลาดที่อยู่อาศัย โดยราคาอาคารสำนักงานที่ปรับขึ้นมากที่สุดคือย่านเพลินจิตที่ปรับขึ้นประมาณ 17.8% คือโครงการไวร์เลส208 อย่างก็ตามจากราคาที่ดินในเมืองหายากขึ้นและแพงขึ้นจะทำให้อาคารสำนักงานออกไปเปิดในพื้นที่นอกซีบีดี (ย่านธุรกิจ)มากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าขณะนี้พื้นที่โคเวอร์คกิ้งสเปซ เริ่มได้รับความสนใจและเริ่มเติบโตด้วยเช่นกัน โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวมีการชิงส่วนแบ่งการตลาดของอาคารสำนักงานไปประมาณ 2.1% เนื่องจากมีต่างชาติโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นและต้องการพื้นที่โคเวอร์คกิ้งสเปซที่ใหญ่ขึ้นจากปกติที่มีการใช้พื้นที่กันที่ 1,000 ตารางเมตร เป็น 2,000-3,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าปีนี้จะมีพื้นที่โคเวอร์คกิ้งสเปซใหม่เข้าตลาดไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นตารางเมตร ซึ่งบางส่วนจะใช้พื้นที่ในห้างสรรพสินค้าเพื่อดึงลูกค้าให้เข้าไปใช้บริการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image