นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการณีที่มาตรการบังคับใช้เกณฑ์การคุมสินเชื่อที่อยผุ่าศัยต่ออัตราหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แอลทีวี) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาและให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 นั้นจะส่งผลต่อการขายอสังหาริมทรัพย์แน่นอน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เพราะจะขายยากขึ้น เนื่องจากการซื้อเพื่อการลงทุนจะหายไปซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการซื้อเพื่อการลงทุนประมาณ 30-40% ประกอบกับกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 ก็จะยิ่งทำให้การขายอสังหาฯยากมากขึ้น แต่ก็ยังพอขายได้สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกเพื่อการอยู่อาศัย เพราะส่วนนี้เป็นความต้องการที่แท้จริง ไม่ได้ถูกบังคับให้ต้องใช้เกณฑ์ใหม่ ขณะที่ต่างชาติก็ยังเข้ามาซื้อลงทุนเช่นกันแต่ส่วนนี้ในปีนี้อาจมีไม่มากนัก อีกทั้งเป็นส่วนที่ซื้อด้วยเงินสด
“การออกมาตรการดังกล่าวของธปท. เพราะต้องการลดความร้อนแรง และเป็นการเบรกการซื้อเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะในสัญญาที่ 2 ที่ 3 เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้กระทบกับธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นมาตรการที่ดี เพราะสามารถชะลอการซื้อของกลุ่มที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรและขายใบจองได้”นายภัทรชัยกล่าว
นายภัทรชัยกล่าวว่า จากการสำรวจนั้นพบว่าจะมีที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล (ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ) ที่อยู่ระหว่างการขายและคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการแอลทีวีมีมากกว่า 4 แสนยูนิต มูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท โดยเป็นยูนิตที่สร้างเสร็จก่อนวันที่ 1 เมษายน 2562 กว่า 2 แนยูนิต และเป็นยูนิตที่สร้างเสร็จหลังวันที่ 1 เมษายน 2562 กว่า 2 แสนยูนิตเช่นกัน (ทั้งหมดนี้นับจากจำนวนยูนิตแต่ละโครงการที่เหลือขายตั้งแต่ 6 ยูนิตขึ้นไป)
“อย่างไรก็ตามสำหรับยูนิตที่สร้างเสร็จก่อนวันที่ 1 เมษายน 2562 นั้น บางส่วนผู้ประกอบการได้มีการนำมาระบายในตลาดด้วยการจัดโปรโมชั่นเพื่อลดสต็อคซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง”นายภัทรชัยกล่าวและว่าทั้งนี้สำหรับสต็อคดังกล่าวคาดว่าจะใช้เวลาในการระบายออกได้ภายใน 2-3ปี และจากปัจจัยนี้ทำให้เชื่อว่าปีนี้การเปิดตัวโครงการใหม่จะลดลงจากปี 2561 ประมาณ 20% ซึ่งจะเป็นการค่อยๆ บาลานซ์หรือสร้างความสมดุลในตลาด ซึ่งผู้ประกอบการเองก็มีความระมัดระวังกันอยู่เช่นกัน
