นายธิติวัฒน์ ธีรกุลธัญโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผลการเก็บข้อมูลและวิจัย “Century21 Poll” ในหัวข้อ “บ้านหลังแรก สำหรับผู้มีรายได้น้อย ที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการเอกชน” ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างตัวแทนผู้มีรายได้น้อยจากทั่วประเทศ 1,091 คน ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 600 บาท จนถึง 15,834 บาท จากทั่วประเทศ พบว่า 75.40% ของตัวแทนผู้มีรายได้น้อยทั้งหมดต้องการบ้านหลังแรกที่พัฒนาโดยเอกชน และต้องการให้รัฐบาลและเอกชนสนับสนุนเรื่องต่างๆ คือ 1.ฟรีค่าธรรมเนียมโอน ซึ่งผู้มีรายได้น้อยต้องการสูงถึง 98.4% 2.ฟรีค่าจดจำนอง ต้องการ 96.90% 3.ให้แถมเฟอร์นิเจอร์พื้นฐาน เช่น เตียงนอน – ตู้เสื้อผ้า 86.90% 4.อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ตลอดอายุสัญญาถึง 79.60% ขณะเดียวกันพบว่าตัวแทนผู้มีรายได้น้อย 42.90% ไม่ต้องการ “มาตรการสนับสนุนการมีบ้านของประชาชนตาม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร”
นายธิติวัฒน์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่าสำปรับอัตราการผ่อนขั้นต่ำต่อเดือนนั้นส่วนใหญ่ต้องการผ่อนขั้นต่ำประมาณ 3,800 บาทต่อเดือน แต่หากในแต่ละเดือนหาเงินได้มากขึ้นก็พร้อมผ่อนสูงขึ้นดังนั้น ผู้ประกอบการเอกชน ควรนำข้อมูลนี้ไปทำการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการเปิดโอกาสให้มีการผ่อนขั้นต่ำ-ขั้นสูงได้ในแต่ละเดือน เพื่อเป็นอีกปัจจัยดึงสำหรับให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อันจะทำให้ระยะเวลาในการผ่อนสามารถลดต่ำกว่า 40 ปีได้ ขณะเดียวกันไม่ก่อหนี้เสียให้เกิดขึ้นกับระบบการเงินโดยรวม ส่วนอุปสรรคของการมีบ้านหลังแรกคือ ความไม่ชัดเจนของกฎหมายและข้อกำหนดจากทางธนาคารพาณิชย์ ภาระหนี้ครัวเรือนที่ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ได้ และอุปสรรคเงินดาวน์
นางสาวพรพรรณ วีระปรียากูร ซึ่งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ศูนย์วิจัยข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ Century21 Poll กล่าวว่า ทางรอดและความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการเอกชน อยู่ที่การสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซื้อบ้าน/ที่อยู่อาศัยที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการเอกชน ได้แก่ การฟรีค่าธรรมเนียม การฟรีค่าจดจำนอง และการจัดการปัญหา/อุปสรรคหลัก ทั้งความไม่ชัดเจนของกฎหมายและข้อกำหนดจากทางธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ในเรื่องของทำเลที่ตั้งนั้นจะต้องอยู่ติดถนนหลัก การคมนาคมสะดวก ใกล้สถานที่ทำงาน สถานพยาบาล ห้างสรรพสินค้า
