คิดเห็นแชร์ : รถยนต์ไฟฟ้า… ยานยนต์พลังงานทางเลือก เกิดแน่ ไม่มโน

สวัสดีครับชาวคิด เห็น แชร์ ทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เพิ่งผ่านพ้นไปกันหมาดๆ สำหรับการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของบ้านเรา ซึ่งมีหลายประเด็นที่เราต้องติดตามกันต่อไป แต่วันนี้ผมจะมาชวนคุยประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV)

ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายให้ทุกท่านเข้าใจสั้นๆ ว่า รถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังพูดถึงนี้คืออะไร??

ความหมายก็ตรงตัวเลยครับ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี เป็นรถที่มีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และมีแบตเตอรี่เป็นตัวเก็บสะสมพลังงานไฟฟ้า โดยประเภทรถอีวีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) จะใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อน ซึ่งหลายท่านคงพอจะคุ้นเคยและเห็นรถยนต์ประเภทนี้วิ่งบนท้องถนนเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว ประเภทต่อมา คือ รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) เป็นรถอีวีที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้ามาเก็บสะสมในที่แบตเตอรี่ได้ ซึ่งรถประเภทนี้เป็นสิ่งใหม่ที่จะทำให้คนไทยได้ทดลองใช้รถที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟ และยังเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อยอดไปสู่รถอีกประเภท คือ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ หรือ รถบีอีวี (Battery Electric Vehicle: BEV) ซึ่งเป็นรถอีวีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% ไม่มีเครื่องยนต์ติดตั้ง จึงไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง

ข้อดีอย่างหนึ่งที่โดดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า ก็คือจะไม่มีการปล่อยมลพิษออกมาทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพวกเรา ปัจจุบันหลายประเทศได้ออกนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอย่างจริงจัง ในขณะที่บางประเทศถึงขั้นประกาศยกเลิกผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ตัวอย่างเช่น รัฐบาลนอร์เวย์ ประกาศว่าภายในปี 2568 รถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในประเทศทั้งหมดต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยข้อมูลจาก Global EV Outlook 2018 ระบุว่า ปัจจุบันประมาณ 39% ของรถยนต์ที่ขับอยู่ในนอร์เวย์เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และคาดว่านอร์เวย์จะบรรลุเป้าหมายได้ก่อนใครเพื่อน ขณะที่จีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 1.23 ล้านคัน ในปี 2560 ได้ออกมาตรการเชิงบังคับห้ามรถยนต์เก่าและปล่อยค่าไอเสียสูงวิ่งในเขตเมือง และตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 ให้
ผู้ผลิตรถยนต์ต้องผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

Advertisement

มาถึงจุดนี้ หลายท่านคงมีคำถามว่า แล้วไทยเรามีความพร้อมและความชัดเจนมากน้อยแค่ไหนกับเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า??

ผมขอแชร์ให้ทุกท่านทราบตรงนี้เลยว่า ทั้งภาครัฐและเอกชนมีความตื่นตัวกับเทคโนโลยียานยนต์พลังงานทางเลือกนี้อย่างมาก ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมรถอีวีรอบแรกไปเรียบร้อยแล้ว มีผู้ผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 7 ราย มีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 269,700 คันต่อปี เป็นเงินลงทุนรวม 29,459 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้ชัดเจนนัก รัฐบาลจึงพยายามหาแนวทางเพื่อแก้ไขช่องโหว่ของมาตรการส่งเสริมอีวีในรอบแรก โดยล่าสุดได้เตรียมออกมาตรการส่งเสริมรถอีวีรอบสอง เรียกว่า มาตรการ “อีโค่อีวี” (ECO EV)

ซึ่งนอกจากจะทำให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงรถอีวีที่มีราคาจับต้องได้ มาตรการนี้ยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่การมีกระบวนการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ของรถยนต์อีวี เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management Systems) ระบบควบคุมการขับขี่ (Drive Control Unit: DCU) เป็นต้น ทั้งยังเร่งให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงเป็นแนวทางในการพัฒนาฐานการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอีกด้วย

Advertisement

นี่เป็นเพียงบางส่วนที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังเพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าได้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในวงการยานยนต์โลกไปแล้ว ซึ่งประเทศไทยเองก็ต้องรีบปรับตัว โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหาแนวทางการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อพร้อมที่จะก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกับกระแสโลก

มิเช่นนั้นประเทศไทยอาจตกขบวนได้ครับ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image