เน็กซัสเผยไตรมาสแรกคอนโดเปิดตัวลด 20% ผลจากแอลทีวี คาดจะนิ่งถึงไตรมาส 2 และเริ่มเปิดใหม่มากขึ้นปลายไตรมาส 2-3 อ้อนรัฐออกมาตรการดระตุ้นอสังช่วยคนมีบ้าน ชี้เก็บภาษีเอกเบี้ยแฟร์กับภาคอสังหา
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปีนี้มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกทม.จำนวน 30 โครงการ รวม 11,300 ยูนิต มูลค่าประมาฯ 49,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20% โดยย่านพระโขนง สวนหลวง แบริ่งเปิดตัวมากที่สุด รองลงมาคือพญาไท รัชดาภิเษก และอันดับสามคือ ลาดพร้าว วังทองหลางเนื่องจากย่านนี้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้าสายใหม่ โดยคอนโดที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 7.5-1 แสนบาทต่อตร.ม.
นางนลินรัตน์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหลังการเลือกตั้งสถานการณ์น่าจะดีขึ้น เพราะจากสถิติที่เก็บหลังการเลือกตั้ง 5 ครั้งดีขึ้นต่อเนื่องทั้งการเปิดใหม่และระดับราคาเนื่องจากมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นครั้งนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ทั้งนี้อยู่ที่ว่ารัฐบาลใหม่จะมีการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ซึ่งออกมาจะกระตุ้นการซื้อบ้านหลังแรกได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอาจทำให้การเปิดตัวคอนโดใหม่น่าจะได้ถึง 6-7 หมื่นยูนิต แต่หากไม่มีมาตรการอะไรออกมาน่าจะอยู่ที่ 5 หมื่นยูนิต
“ในไตรมาสแรกยอดขายดีผลจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ออกมาตรการคุมสินเชื่อที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อ 1 เมษายน ทำให้คนเร่งซื้อเร่งโอน ส่วนไตรมาส 2 นี้ตลาดกระทบบ้างจากตลาดนักลงทุน แต่ตลาดที่ซื้ออยู่จริงยังไปได้ ทั้งนี้ปัจจุบันมีสต็อคในตลาดประมาณ 60,000 ยูนิต ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงนี้มีไม่มากเพราะต้องโละสต็อคเดิมออกไปก่อน โดยราดว่าจะเริ่มเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2 และ3 ส่งผลให้ในไตรมาส 2 การเปิดตัวโครงกานใหม่น่าจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10-20%” นางนลินรัตน์กล่าว
นางนลินรัตน์กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการนำที่ดินของภาครัฐออกมาให้เช่ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสมีมากขึ้น ซึ่งจะเห็นในปีนี้แน่นอน ขณะเดียวกันก็จะมีนักลงทุนต่างชาติก็จะเข้ามาพัฒนาโครงการขายให้กับกลุ่มเรียลดีมานด้วย
นางนลินรัตน์กล่าวว่า หากรัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ออกมาก็เป็นเรื่องดี โดยมาตรการที่จะได้ผลมากที่สุดคือการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนองและการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่มาตรกาดังกล่าวอาจเป็นไปไม่ได้เพราะกระทบรายได้รัฐ ดังนั้นมาตรการที่เหมาะสมคือการกระตุ้นหรือสนับสนุนให้คนมีบ้านหลังแรกระดับราคาต่ำกส่า 2.5 บ้านบาทต่อยูนิต รวมทั้งการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยบ้าน ส่วนการออกมาตรการให้ผู้ที่มีดอกเบี้ยเงินฝาก ต้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปต่อปีมองว่าเป็นธรรมต่อธุรกิจอสังหาที่จะต้องเสียภาษีจากกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีหน้า แบะอาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มนี้จักลับมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
