นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ผู้ให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศและสื่อสารการบิน เปิดเผยถึงกรณี นักธุรกิจเจ้าของโรงแรม ออกมาระบุว่าเกิดเรื่องระทึกระหว่างที่เดินทางกลับจาก กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ได้โดยสารเครื่องบินของสายการบินหนึ่ง ขณะที่เครื่องกำลังลงสนามบินกระบี่ ต้องเชิดหัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้โดยสารหลายคนตกใจ ว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ที่ทำหน้าที่ที่สนามบินกระบี่แล้วว่า สาเหตุที่ทำให้สายการบินหนึ่งไม่สามารถนำเครื่องร่อนลงจอดที่สนามบินกระบี่ตามเวลาและต้องเชิดหัวขึ้นบินวนบนอากาศอีกครั้งนั้น เกิดจากในขณะนั้นมีเครื่องบินขนาดใหญ่ของอีกสายการบินหนึ่งจอดขวางอยู่บรันเวย์
โดยนักบินที่ขับเครื่องบินลำที่จอดขวางบนรันเวย์ได้ใช้เวลาในการเตรียมนำเครื่องขึ้นบินเกินเวลากำหนดไป 1 นาที เนื่องจากเครื่องบินมีขนาดใหญ่ ซึ่งตามแผนการบินเดิมนักบินจะต้องใช้เวลาเริ่มตั้งแต่ขับเครื่องบินจนถึงขึ้นบินนให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 5 นาที แต่กรณีนี้นักบินใช้เวลาไปประมาณ 6 นาที ซึ่งถือว่าเกินเวลาที่กำหนดไป 1 นาที จึงส่งผลกระทบต่อตารางการร่อนลงจอดของอีกสานการบินหนึ่ง ไม่สามารถลงจอดได้ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนและกฎมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน เจ้าหน้าที่ บวท. จำเป็นต้องแจ้งไปยังสายการบินที่ จะร่อนลงจอดต้องเชิดหัวขึ้นไปบินวนอีก1รอบเพื่อรอเวลาลงจอดที่เหมาะสมและปลอดภัย
“เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งตามขั้นตอนความปลอดภัย บวท. จะต้องทำรายงานสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เสนอให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ทำการสอบสวนสาเหตุและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เนื่องมาตรการการดูแลความปลอดภัยของเครื่องบินมีความละเอียดอ่อนไม่เหมือนกับยานพาหนะชนิดอื่น เพียงแค่เครื่องบิน เช้าใกล้กันมากเกินไป ก็ต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ต้องรอให้มีการชนกันเหมือนรถยนต์แล้วค่อยสอนสวนเหตุ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ2เที่ยวบินที่มีปัญหา นั้น สำหรับเที่ยวบินที่ไม่สามารถร่อนลงจอดได้จนต้องเชิดหัวบินวนอีก1รอบคือ เครื่องบินของสายการไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3212 เส้นทาง ดอนเมือง-กระบี่ ส่วนเครื่องบินลำที่จอดขวางรันเวย์เพราะนำเครื่องขึ้นบินเกินเวลาที่กำหนดนั้น คือเครื่องบินของสายการบิน ไทย เที่ยวบิน TG 250 เส้นทาง สุวรรณภูมิ-กระบี่ ที่บินด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 330 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่
“ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า สนามบินกระบี่เป็นสนามบินที่มีข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่ในการทำการบิน เนื่องจากเป็นสนามบินที่ไม่มีระยะแท็กซี่เวย์หรือทางขับ มีเพียงรัยเวย์หรือทางวิ่งเลย ทำให้ การขึ้นบินจะต้องเป็นไปตามเวลา หากขึ้นบินล่าช้าจะเกิดปัญหาต้องบินวน รวมทั้งหากเป็นการขึ้นบินของเครื่องบินขนาดใหญ่อย่างในกรณีข้างต้นแอร์บัส เอ 330 ของการบินไทย เป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ต้องใช้เวลาในการขึ้นบินช้ากว่าเครื่องขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ขณะนี้ กรมท่าอากาศยานในฐานะผู้บริหารสนามบินกระบี่อยู่ระหว่างการลงทุนเพื่อขยายสนามบินแล้ว”
