เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จเร็ว ตั้งแต่อายุ 30 ต้นๆ เร็วกว่าเป้าหมายที่ “เขา” หรือ วินท์ สุธีรชัย ตั้งไว้จะประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของกิจการในวัย 50-55 ปี
วันนี้ วินท์ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด บริษัทเหล็กที่อยู่ในอุตสาหกรรมกลางน้ำ ผลิตเหล็กม้วนรีดร้อนที่นำไปใช้ได้กับหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งเหล็กรูปพรรณ เหล็กโครงสร้างต่างๆ
บริษัทที่เป็นความภาคภูมิใจของวินท์ ที่สามารถเชื่อมสัมพันธ์บริษัทคู่แข่ง คือบริษัท เอเชีย เมทัล จำกัด (มหาชน) และบริษัท เดอะสตีล จำกัด (มหาชน) ที่นับเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเหล็ก มาเป็นคู่ค้า เป็นหุ้นส่วนก่อตั้ง ไพร์ม สตีลฯ ถือว่า win-win ทั้งสามฝ่าย
จุดเริ่มต้นที่วินท์สนใจและเข้ามาคลุกคลีวงการเหล็ก คือการอยากเรียนรู้ จากที่คลุกคลีและติดตามพ่อไปทำงาน โดยพ่อถือหุ้นในบริษัท เอเชีย เมเทิล จำกัด (มหาชน) และบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทั้งสองบริษัทกำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทำให้วินท์มีโอกาสพบกับผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมเหล็ก คู่ค้าจากต่างประเทศ ซัพพลายเออร์ รวมทั้ง
คนในแวดวงการเงิน จึงสนุกที่ได้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เหล่านี้ จึงเริ่มเรียนรู้จริงจัง
“ผมเริ่มต้นเรียนรู้จากการเข้าไปร่วมงานบริษัทที่มีหุ้นส่วน เริ่มจากฝ่ายไอที ย้ายไปฝ่ายขาย ฝ่ายผลิตและเครื่องจักร รวมทั้งยังได้เขียนแผนธุรกิจ ทำแทบทุกแผนกแล้ว สั่งสมประสบการณ์พอสมควร จนมาถึงจุดที่อยากจะมีอะไรเป็นของตัวเอง บวกกับสไตล์เป็นพวกคิดใหม่ จึงก่อตั้งไพร์มสตีลฯ ในที่สุด” วินท์เล่าถึงที่มา
มุมมองต่ออุตสาหกรรมเหล็ก วินท์เชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ เพราะไทยใช้เหล็กในเกือบทุกอุตสาหกรรม แม้แต่ในครัวเรือนของแต่ละบ้าน เรียกว่าเหล็กอยู่รอบๆ ตัวเรา แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญคือ ไทยไม่มีโรงถลุงเหล็ก หรือไม่มีอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ และอุตสาหกรรมเหล็กเกิดขึ้นจากภาคเอกชน 100% ไม่มีการผลักดันโดยภาครัฐ ไม่มีนโยบายกำกับดูแล ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กสะเปะสะปะ ขาดการร่วมกันทำวิจัยและพัฒนาเหล็กเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ สินค้าเหล็กของไทยจึงสู้ต่างชาติไม่ได้
สำหรับไพร์มสตีลฯ วินท์ถือว่ายังเป็นธุรกิจเล็กๆ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในตลาด ซึ่งกำลังพยายามผลักดันในรูปแบบการจับมือกันระหว่างอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ (Vertical Integration) ไปสู่ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าต่อไป “เราสามารถเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนได้ จึงเริ่มจับมือกับลูกค้าและซัพพลายเออร์โรงถลุงในต่างประเทศ เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนา ซึ่งระยะยาวผมใฝ่ฝันว่าไทยจะมีอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำเป็นของตนเอง แม้ว่าจะมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยเปรียบเปรยให้ฟังว่า สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยคือ คลองคอคอดกระและโรงถลุงเหล็ก”
ไม่ได้แค่พูด แต่วินท์ลงมือทำเลย โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ บริษัท ซิตี้สเคป จำกัด และบริษัท มั่นคง สตีล จำกัด พัฒนา “บ้านเหล็ก” ภายใต้แบรนด์ “BLOX Living” นวัตกรรมที่ช่วยลดปัญหามลพิษในอากาศจากฝุ่นควันที่เกิดจากการก่อสร้างแบบเดิม และยังช่วยประหยัดพลังงาน ด้วยจุดเด่นของแผ่นฉนวนกันความร้อนเย็นรอบด้านที่ช่วยคงอุณหภูมิในบ้านไม่ให้ร้อนหรือหนาวเกินไปตามสภาพอากาศ
และอีกจุดเด่นสำคัญ คือติดตั้งไวภายใน 1 วัน น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ การันตีไม่เป็นสนิม 15 ปี และยังสามารถออกแบบลวดลายบนเหล็กได้ เช่น ลายไม้ ลายอิฐ ลายหิน เป็นต้น
“การที่เหล็กจะเป็นสนิทช้าหรือเร็ว ขึ้นกับพื้นที่ ถ้ามีความชื้นหรือติดทะเล ประสิทธิภาพการใช้งานจะลดลง แต่บล็อกซ์ ลีฟวิ่งได้ออกแบบเป็นระบบเปิดให้สามารถขันนอตเพื่อตรวจสอบโครงสร้างภายในได้ จึงสามารถแก้ไขการเกิดสนิมไม่ให้ลุกลามได้” วินท์อธิบายเพิ่มเติม
สำหรับบล็อกซ์ ลีฟวิ่ง วินท์ วางแผนเปิดโฉมเป็นทางการในงานสถาปนิก 2562 ระหว่างวันที่ 30 เมษายน-5 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งเป้ายอดขาย 500 ยูนิต หรือประมาณ 100 ล้านบาท เน้นทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ธุรกิจสตาร์ตอัพ รวมทั้งร้านกาแฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจะนำไปช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติที่อยู่อาศัยโดยจะร่วมกับมูลนิธิในอนาคต โดยวินท์บอกว่า เพราะที่อยู่อาศัยถือเป็นปัจจัยสำคัญ
นอกจากงานธุรกิจแล้ว วินท์ยังได้โอกาสชิมลางงานการเมือง เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ของพรรคอนาคตใหม่ ลำดับที่ 20 เพราะอยากมาช่วยแก้ไขปัญหาที่ตัวเขาเองเห็นปัญหา หากว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งมีชื่อวินท์เข้าป้ายด้วย
ก็คงได้เห็นอีกบทบาทของวินท์ ที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า “หากตั้งใจ พร้อมเรียนรู้พัฒนาตนเอง” อย่างที่เขาบอกเสมอ…ก็เชื่อว่าคงไม่ยากเกินไป
จุฑามาศ ศรีสวัสดิ์
