คาดเทรดวอร์รอบใหม่นานกว่าเดิมกระทบท่องเที่ยว-ส่งออก ศก.ไทยอาจโตต่ำกว่า 3.5%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน (เทรดวอร์) ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาพบว่า สหรัฐและจีนมีการเจรจาการค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจโลกมี สัญญาณการปรับตัวดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน พืชผลทางการเกษตร และทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นไปตามจิตวิทยาเชิงบวกที่เชื่อว่าสหรัฐและจีน จะไม่ทำสงครามการค้ากันมากขึ้น ดังนั้นการทำเทรดวอร์ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งที่รุนแรง เนื่องจากจะเปลี่ยนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งโลก และมีผลกัดกร่อนระบบเศรษบกิจโลก โดยจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับว่าหากจีนถูกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น 25% จะทำให้สินค้าของจีนมีราคาแพงขึ้น จีนจะส่งออกสินค้าไปสหรัฐได้น้อยลง ทำให้มีผลกับเศรษฐกิจของจีนอย่างชัดเจน และจีนจะส่งออกสินค้าไปในประเทศต่างๆ ในราคาที่ต่ำลง ทำให้มีผลกับการแข่งขันด้านราคาจะสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบกับการส่งออก

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเศรษฐกิจจีนที่เป็นประเทศผู้ผลิตหลักของโลก และเป็นประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าหลากหลายรายการ ทั้งน้ำมัน โลหะ สินค้าอุปโภคบริโภค เมื่อเศรษฐกิจจีนย่อลงจะทำให้การสั่งซื้อสินค้าของจีนลดลง ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าสำเร็จรูป โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าจากอาเซียน รวมถึงไทยที่อยู่ในประเทศซัพพลายของจีนด้วย จะมีสัณญาณของการปรับตัวลดลง และเมื่อเศรษฐกิจและธุรกิจของจีนประสบปัญหาในด้านของเศรษฐกิจแย่ลง และเจอปัญหาเทรดวอร์ ก็จะมีผลต่อรายได้ของคนจีน ซึ่งก็จะมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของคนจีน ที่กระจายไปทั้งโลก และมีผลต่อนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาในไทยด้วย สิ่งสำคัญกรณีของเทรดวอร์คือ ต้องมีการติดตามและประเมินอย่างใกล้ชิดในระยะ 1-3 เดือนว่า ผลกระทบที่ชัดเจนจะเป็นอย่างไรในเชิงเศรษฐกิจ ทั้งนี้เศรษฐกิจจีนที่ปัจจุบันเติบโตอยู่ในระดับ 6.4% อาจจะเติบโตลดต่ำกว่า 6% ได้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตในกรอบ 6% จากที่คาดว่าจะโต 6.4% ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจจีนเติบโตน้อยลง การส่งออกที่แย่ลงจะทำให้จีนนำเข้าสินค้าและออกเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจจีนแย่ลง อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งยุโรปกำลังอยู่ในช่วงที่เปราะบางเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) หรือเบร็กซิท ที่มีความเปราะบางในเศรษฐกิจของประเทศตัวเองอยู่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจในยุโรปอาจจะโตไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ซึ่งอาจขยายตัวได้แค่ 1% โดยยุโรปเองก็เป็นตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย และเป็นฐานของการนำเข้าสินค้าไทยในการส่งออกที่สำคัญ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ค่อนข้างดี แต่ว่าเทรดวอร์จะทำให้ประชาชนในสหรัฐบริโภคสินค้าในราคาที่แพงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าโดยเฉลี่ยแพงขึ้น จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเร็ว ซึ่งพอเศรษฐกิจโลกซึมตัวลง จะทำให้รายได้ที่จะเข้าประเทศของสหรัฐก็มีโอกาสที่จะซึมตัวลงตามในระยะปานกลาง อัตราการว่างงานอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ต้องปรับนโยบายเป็นดอกเบี้ยขาขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นฐานทำให้เศรษฐกิจโลกขาดความสมดุลด้านการเงินต่างๆ ดังนั้นเมื่อเห็นผลกระทบต่างๆ จึงมองว่าเศรษฐกิจโลกจะโตน้อยลง 0.3-0.4% ทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ที่คาดว่าจะโตประมาณ 2.5-3% เหลือโตได้เพียง 2-2.5% เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกไทยแน่นอน

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ฐานเดิมที่เชื่อว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ที่ 2-3% ในปีนี้ แต่เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นจึงมองว่าอาจจะขยายตัวได้ในกรอบประมาณ -1 ถึง 1% แต่ยังประเมินได้ไม่ชัดมากนัก โดยเชื่อว่าไทยจะได้รับผลกระทบทางตรงคือ 1.การส่งสินค้าไปยังจีน การส่งสินค้าไปในประเทศกลุ่มอาเซียนซึ่งจะป้อนเข้าตลาดจีน ยุโรป และสหรัฐ 2.อาจได้รับผลกระทบปลายทางคือ การส่งสินค้าไปยังยุโรป และประเทศต่างๆ ในเอเชียที่ได้รับกระทบจากจีน ถึงแม้อาจจะได้ประโยชน์ในการส่งสินค้าไปสหรัฐเพื่อชดเชยสินค้าของจีนได้บ้าง แต่เชื่อว่าจะเป็นผลในเชิงลบมากกว่าผลในเชิงบวก โดยการท่องเที่ยวของไทยเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะฐานของนักท่องเที่ยวที่ฟื้นกลับมาในช่วงนี้ แต่ตลาดสำคัญอย่างจีนและยุโรปมีความน่ากังวลมาก เพราะอาจจะได้รับผลกระทบจากเทรดวอร์ในครั้งนี้ ทำให้เป้าหมายการท่องเที่ยว 40 ล้านคน ต้องมีการประเมินอีกครั้งว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ โดยการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ที่ 3.2-3.3% ได้หรือไม่ ดังนั้นเทรดวอร์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม อาจทำให้เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรกโตได้เพียง 3-3.2%

Advertisement

“การมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีทันใดจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรทำ ซึ่งก็ต้องดูมาตรการของภาครัฐว่าจะสามารถทำอะไรได้หรือไม่ เพราะเดิมเคยนึกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ควรโต 3.6-3.9% อาจจะย่อลงในกรอบ 3.5-3.7% ในเบื้องต้น ดังนั้นจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเติบโตน้อยกว่า 3.5% สูงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 50%”นายธนวรรธน์กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สาเหตุที่มองว่าการส่งออกของไทยติดลบ เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้น ค่าเงินบาทแข็ง และที่สำคัญการส่งออกช่วงไตรมาส 4 ของปี 2561 จนกระทั่งเดือนมกราคม-เมษายนนี้ พบว่าติดลบทั้งหมด สาเหตุสำคัญเพราะความไม่นิ่งของเทรดวอร์ แม้ว่าบรรยากาศจะดูดีขึ้น แต่ก็ยังทำให้การส่งออกติดลบ สินค้าของไทยแพงเกินไป และโครงสร้างการส่งออกสินค้าไทยไม่ตอบสนองกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เทรดวอร์มีความสำคัญกับภาวะเศรษฐกิจไทยแน่นอน โดยจากเดิมที่คิดว่าจีนจะไม่ถูกขึ้นภาษีเพิ่ม ตอนนี้กลับมีการขึ้นภาษีแล้ว ทำให้จีนตอบสนองสหรัฐด้วยการจะตอบโต้สหรัฐกลับ จึงทำให้กรณีของการไกล่เกลี่ยจะเป็นประเด็นนสำคัญที่น่าจะเกิดขึ้น เพราะหากจีนกับสหรัฐไม่เจรจากันอีกแล้วโลกจะมีแต่ความเสี่ยง ที่ไม่รู้ว่าการออมชอมในด้านเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป

“รัฐบาลใหม่จำเป็นที่จะต้องขยายฐานส่งออกเพิ่ม โดยจะต้องจับตลาดจีนไว้เพราะมีอัตราขยายตัวได้สูง เศรษฐกิจในเอเชีย ตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน และการเจาะตลาดสหรัฐเพิ่มเติม เพระมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น และพยายามทำให้ค่าเงินบาทไม่แข็งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีการแข่งขันเกิดขึ้น รวมถึงตลาดการท่องเทียวทีอยู่ในฟรีวีซ่าต้องดำเนินการต่อเนื่องและดูแลเรื่องความปลอดภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเทียวในประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับเรื่องที่ต้องเร่งคือโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ ควรเร่งรัดการมีงบประมาณการลงทุนออกมาและมีนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนออกมา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศไทยต่อไป สิ่งสำคัฐมากๆที่จะต้องดำเนินการคื การใช้เม็ดเงินขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เกิดการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการใช้จ่ายในพื้นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดูแลราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม และเร่งใช้วัถุดิบสินค้าเกษตรไทยภายใต้โครงการของภาครัฐ อาทิ การใช้ปาล์มน้ำมันผลิตน้ำมันให้มากขึ้น โดยมองว่าเทรดวอร์รอบนี้จะยาวต่อเนื่องมากขึ้นไปอีก”นายธนวรรธน์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image