| ผู้เขียน | วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม |
|---|
ช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน 2562) ของปีนี้ การส่งออกไทยไม่สวยงามนักจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก และได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน (เทรดวอร์) ที่เริ่มรุนแรง หลายภาคส่วนจึงมองว่าการท่องเที่ยวจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยต่อจากนี้
ปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย 38.27 ล้านคน เกิดรายได้ 2.01 ล้านล้านบาท แนวโน้มปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 41.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.5% สร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% โดยช่วง 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวจากอินเดีย ยุโรป และประเทศในกลุ่มอาเซียนเติบโตขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยฟื้นตัวและเดินทางเข้าไทยมากขึ้น เช่นกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกจัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากที่สุด มูลค่ากว่า 53,465 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างรายได้มากกว่าเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี โดยสิ่งที่ทำให้ไทยได้รับความนิยมมาจากรอยยิ้มซึ่งถือว่ามีชื่อเสียงระดับโลก ตามมาด้วยอาหาร ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมีประสบการณ์ในการมาลองสักครั้ง อีกทั้งเมืองไทยถือว่ามีความหลากหลาย และยังเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหลายประเทศนิยมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังมีอีกตัวเลขที่คนไทยน่าดีใจคือ ไทยเที่ยวไทยกินของไทยมากขึ้น ปี 2561 มีการใช้จ่ายรวมกันแล้วเท่ากับคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยเกือบทั้งปี ซึ่งเมื่อก่อนจะมองว่าไทยเที่ยวไทยเป็นเพียงการทัศนาจร แต่วันนี้ไม่ใช่ กลับเป็นกลุ่มที่มีการท่องเที่ยวมากขึ้น ซื้อของฝากพื้นเมืองเพิ่มขึ้น จึงเป็นเครื่องมือกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องอาหารกลายเป็นภาษาสากล ทำให้ต่างชาติที่เดินทางมา สั่งอาหารประเภทไหนก็ถือว่าเป็นของแปลกสำหรับพวกเขา ทำให้ทุกจังหวัดมีตัวเลขรายได้ในหมวดอาหารดีขึ้นทั้งหมด
จากเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวของไทยที่มีอยู่เป็นทุนเดิม แม้ปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวจะขาดหัวเรือใหญ่หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ลาออกจากตำแหน่ง คงต้องมาดูกันว่าเครื่องมือขับเคลื่อนประเทศตัวนี้จะได้รับการสานต่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร
