สวัสดีครับ คอลัมน์ “คิด เห็น แชร์” วันนี้ ผมจะขอหยิบบทวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจไทยโดย นักเศรษฐศาสตร์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มาแชร์กันนะครับ ในภาพรวมคือฝ่ายวิจัยฯประเมิน แนวโน้ม GDP ไทยไตรมาส 1/62 ชะลอตัว และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/62 แต่คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ในครึ่งปีหลังของปี 2562 ซึ่งจะทำให้ในภาพรวมทั้งปีมีโอกาสที่ฝ่ายวิจัยฯจำเป็นต้องปรับลดประมาณการ GDP ไทยลงเป็น 3.6% จากเดิม 4.1%
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะรายงานอัตราการขยายตัว GDP ไตรมาสที่ 1/62 ในวันอังคารที่ 21 พฤษภาคมนี้ โดยเราคาดว่า GDP ไตรมาสที่ 1/62 จะขยายตัว 3.3% YoY ลดลงจากระดับ 3.7% YoY ในไตรมาสที่ 4/61
1) คาดมูลค่าและปริมาณส่งออกหดตัวลงที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง แต่การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับไตรมาสที่ 4/61 แต่ยังต่ำกว่าไตรมาสที่ 1/61 เล็กน้อยจะไม่ถ่วงให้ GDP ไตรมาสที่ 1/62 แย่ลงมากนักเหมือนไตรมาสก่อนหน้า
2) คาดการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัว แต่อาจจะชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลจากรายได้ภาคเกษตรที่หดตัวลง ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวต่ำ
3) คาดการลงทุนโดยรวมจะชะลอตัวสะท้อนจากดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวเทียบกับไตรมาสที่ 1/61 เนื่องจากการนำเข้าสินค้าประเภททุนลดลงตามการหดตัวของปริมาณส่งออก ขณะที่การลงทุนภาครัฐจะชะลอตัวลงเทียบกับไตรมาสที่ 1/61-3/61 เนื่องจากการเบิกจ่ายชะลอตัว แต่จะดีกว่าไตรมาสที่ 4/61
ถ้าอัตราการขยายตัว GDP ไตรมาสที่ 1/62 เป็นไปตามที่คาดการณ์ ฝ่ายวิจัยฯจะปรับลดเป้าอัตราการขยายตัว GDP ปี 2562 ลงจาก 4.1% เหลือ 3.6% ซึ่งหลักๆ เป็นผลจากการขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกันของสหรัฐ-จีน และถ้า GDP รายไตรมาสขยายตัวระหว่าง 3-4% แล้ว ประเมินว่าที่ประชุม กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ตลอดปี 2562
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรกจะชะลอตัวลง แต่ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นผลจากการค้าระหว่างประเทศที่ชะลอตัวลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่เข้ามากระทบในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงของการชะลอตัวกลับสู่ระดับปกติหลังจากที่ขยายตัวเติบโตมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ซึ่งผมยังคงคาดหวังว่าในปลายเดือนมิถุนายนนี้ ในการประชุม G-20 จะมีโอกาสที่ผู้นำสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุการเจรจาการค้าระหว่างกันได้ โดยเราประเมินว่าการที่สหรัฐประกาศจะทำประชาพิจารณ์ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ เพื่อพิจารณาเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ที่เหลือ 3 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตรา 25% อาจจะเป็นการโยนหินถามทางเพื่อ “หาทางลง” ของประธานาธิบดีสหรัฐในรอบนี้ก็เป็นได้เช่นกัน นอกจากนี้ผมอยากให้มองวิกฤตเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย ที่อาจได้รับอานิสงส์จากประเด็นเรื่องสงครามการค้าครั้งนี้ได้เช่นกัน
ดังที่เราเริ่มเห็นการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการจีนและสหรัฐมายังประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย และในมุมด้านต้นทุนสินค้าประเภทวัตถุดิบหลายอย่างที่ปรับตัวลง อาทิ เหล็ก วัตถุดิบอาหารสัตว์ เป็นต้น