“แลนดี้โฮม” ชี้ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกขยายตัวดี

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมและทิศทางของธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ว่า ทิศทางน่าจะเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนๆ อีกทั้งผู้บริโภคมีอัตราการปลูกสร้างในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นซึ่งนิยมเลือกใช้บริการผู้ประกอบการรายใหญ่และมีการให้บริการแบบครบวงจร

“ปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านรายใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดมากยิ่งขึ้น จึงเกิดการแข่งขันที่รุนแรง ฉะนั้นจึงต้องสร้างความน่าสนใจในแคมเปญโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า พร้อมสร้างความแตกต่างทั้งรูปแบบการดีไซน์และวัสดุที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อช่วยลดปัญหาการจ้างแรงงาน และเพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยยังคงรักษามาตรฐานของการก่อสร้าง และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน”นางสาวพรรัตน์ กล่าว

นางสาวพรรัตน์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนดำเนินธุรกิจในการเพิ่มสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริการและนวัตกรรมอันทันสมัยซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัทให้ความสำคัญเพื่อนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจ รวมไปถึงการพัฒนาแบบบ้านใหม่ทุกปี ล่าสุบริษัทได้ขยายสาขาสุขุมวิทซึ่งเป็นสาขาที่ 8 เจาะกลุ่มลูกค้าผู้อยู่อาศัยบ้านเดี่ยวระดับกลางจนถึงระดับไฮเอนด์ที่มีราคาตั้งแต่ 30-150 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วงเปิดสาขาใหม่ บริษัทได้จัดแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้า เช่น ฟรีเสาเข็มเจาะ อัพเกรดห้องน้ำผู้สูงอายุ ระบบบ้านปลอดแมลงสาบ อัพเกรดวัสดุ เป็นต้น นอกจากนี้ได้มีการพัฒนาระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป โนวา ซีสเตม ที่ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างขั้นสูงจากญี่ปุ่น มีการควบคุมคุณภาพชิ้นส่วนทุกขั้นตอนการผลิตจากโรงงาน และยังได้พัฒนาระบบบ้านปลอดแมลงสาบ CP Design ที่มีการจัดระบบสุขาภิบาลอันทันสมัย รวมไปถึงการมุ่งมั่นและใส่ใจกับลูกค้าทุกรายได้พัฒนานวัตกรรมบ้านผู้สูงอายุ Landy Elder Care ที่สามารถเอื้อต่อผู้สูงอายุ ที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพและร่างกาย สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปิดยอดสัญญาสร้างบ้านได้กว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5-10% ต่อปี

นางสาวพรรัตน์กล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าที่นิยมปลูกบ้านกับบริษัทนั้นจะเป็นกลุ่มลูกค้าอายุ 35-55 ปี ราคาบ้านเฉลี่ย 6 ล้านบาท สำหรับบ้านที่เป็นที่นิยมของลูกค้าจะเป็นกลุ่มบ้านระดับ 5-20 ล้านบาทประมาณ 50% รองลงมาคือบ้านต่ำกว่า 5 ล้านบาทที่ 40% และล้านลักซ์ชัวรี่หรือบ้านหรูที่ประมาณ 10% ส่วนราคาก่อสร้างเฉลี่ยประมาณ 18,000 บาทต่อตารางเมตร และบริษัทมีฐานข้อมูลลูกค้านับแสนราย ซึ่งสามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาแบบบ้านให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้

Advertisement

“สำหรับช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม) มียอดจองสร้างบ้านแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีนี้จะได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาทแน่นอน” นางสาวพรรัตน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image