จอดป้ายประชาชื่น : สงครามไอที

เรียกว่า “ขิงก็รา ข่าก็แรง” หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จรดปากกาลงนามในคำสั่งพิเศษเมื่อ  วันที่ 15 พฤษภาคม ห้ามบริษัทสัญชาติสหรัฐ ใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ผลิตโดย “หัวเว่ย” ของจีนให้เหตุผลว่า อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

ทำให้ “กูเกิล” ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐ และเป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการยักษ์ใหญ่อย่าง   แอนดรอยด์ต้องปฏิบัติตาม นั่นหมายความว่า หัวเว่ยกำลังจะเผชิญหน้ากับวิกฤตอย่างใหญ่หลวง เมื่อสินค้าของตัวเองจะไม่สามารถเข้าถึงการอัพเดตของระบบแอนดรอยด์ และสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายในอนาคตไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและบริการจากกูเกิลได้

และทันใดนั้น ฝั่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ก็ออกมาตอบโต้ทันทีว่า หากสหรัฐ จะตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจ ทางจีนก็จะไม่ส่งแร่ “แรร์เอิร์ธ” ให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีในสหรัฐ ด้วยเช่นกัน

แร่ “แรร์เอิร์ธ” เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ซึ่งจีนคือผู้ผลิตเบอร์หนึ่งของโลก ประเมินว่า ปริมาณที่ผลิตได้ทั่วโลกมากกว่า 90% มาจากประเทศจีน

Advertisement

แน่นอนว่า สหรัฐมีบริษัทไอทีจำนวนมากที่ต้องการใช้แร่ชนิดนี้ รวมถึง “ไอโฟน” ฉะนั้น สหรัฐ จึงเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่นำเข้าแร่ “แรร์เอิร์ธ” จากจีน คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของปริมาณนำเข้าทั้งหมด

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเคสนี้ คือ เหตุผลในการตัดสินใจแบน “หัวเว่ย” เพราะเทคโนโลยี 5จี ทำให้จีน นำหน้าสหรัฐ จะเห็นว่าสหรัฐไม่แบน เลอโนโว, เสี่ยวหมี่, ออปโป้ และวีโว เพราะบริษัทเหล่านี้เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์  มือถือขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ไม่ใช่เทคโนโลยี 5จี ที่สหรัฐต้องการเป็นผู้นำ

โดยเทคโนโลยี 5จี ของหัวเว่ยได้รับการยอมรับว่า เป็นเทคโนโลยีชั้นนำระดับต้นๆ ของโลกที่พัฒนาและเติบโตต่อเนื่องจนสหรัฐกลัว ปัจจุบันจีนยังได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเบอร์หนึ่งของโลก และนั่นจะทำให้สหรัฐอเมริกาเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล

Advertisement

ดังนั้น หัวเว่ยจึงเป็นภัยต่อสหรัฐ!!

ต้องติดตามว่าศึกต่อสู้ทางการค้าครั้งนี้จะฟาดฟันกันต่อไปอย่างไร…

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image