ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยนับเฉพาะโครงการที่มียูนิตเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 ยูนิต จากการสำรวจพบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 974 โครงการ จำนวน 185,179 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 561,227 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 760 โครงการ จำนวน 107,266 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 301,093 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 198 โครงการ จำนวน 77,358 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 245,247 ล้านบาท และโครงการวิลล่า 16 โครงการ จำนวน 555 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 14,888 ล้านบาท
ดร.วิชัย กล่าวว่า จากการสำรวจในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มียูนิตเหลือขายจำนวน 39,829 ยูนิต หรือร้อยละ 37.1 ของยูนิตในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด โครงการอาคารชุดมียูนิตเหลือขายจำนวน 14,662 ยูนิตหรือร้อยละ 19.0 และโครงการวิลล่ามียูนิตหลือขายจำนวน 162 ยูนิตหรือร้อยละ 29.2 ของยูนิตในผังโครงการวิลล่าทั้งหมด ทั้งนี้ โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดชลบุรี มีจำนวน 664 โครงการ จำนวน 136,273 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 435,926 ล้านบาท เหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 37,160 ยูนิต มูลค่า129,144 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 477 โครงการ จำนวน 63,179 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 183,877 ล้านบาท เหลือขาย 23,363 ยูนิต มูลค่ารวม 69,655 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 171 โครงการ จำนวน 72,539 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 237,161 ล้านบาท เหลือขาย 13,635 ยูนิต มูลค่า มูลค่ารวม 54,921 ล้านบาท และมีโครงการวิลล่า จำนวน 16 โครงการ จำนวน 555 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 14,888 ล้านบาท เหลือขาย 162 ยูนิต มูลค่า 4,568 ล้านบาท
ดร.วิชัยกล่าวว่า ทั้งนี้โครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด จำนวน 135,718 ยุนิต เป็นอาคารชุดมากที่สุด ร้อยละ 53.4 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ ร้อยละ 22.2 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท บ้านเดี่ยว ร้อยละ 12.3 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3- 5 ล้านบาท บ้านแฝด ร้อยละ 9.1 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์และที่ดินเปล่า ตามลำดับ ส่วนทำเลที่ขายดีที่สุดในชลบุรีคือ1. หาดจอมเทียน 2.แหลมฉบัง 3.สัตหีบ-อู่ตะเภา 4.หนองปรือ-มาบประชัน 5.บ้านบึง ส่วนอาคารชุดในจังหวัดชลบุรีที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ1.หนองปรือ-มาบประชัน 2.บ้านสวน-หนองข้างคอก 3.นิคมฯอมตะนคร 4.บางแสน-หนองมน-บางพระ 5.โรงโป๊ะ-หนองปลาไหล
ดร.วิชัยกล่าวว่า โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดระยอง มีจำนวน 244 โครงการ จำนวน 34,596 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 84,516 ล้านบาท มียูนิตเหลือขายรวม 12,386 ยูนิต มูลค่ารวม 32,108 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 220 โครงการ จำนวน 31,147 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 77,739 ล้านบาท มียูนิตเหลือขาย 11,728 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 30,633 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด จำนวน 24 โครงการ จำนวน 3,449 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 6,777 ล้านบาท มียูนิตเหลือขายรวม 658 ยูนิต มูลค่า 1,475 ล้านบาท
ดร.วิชัยกล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดจำนวน 34,596 ยูนิต เป็นทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด ร้อยละ 38.7 ระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว ร้อยละ 31.3 ระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท บ้านแฝด ร้อยละ 15.4 ระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท อาคารชุด ร้อยละ 10.0 ระดับราคา 1 – 1.5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์และที่ดินเปล่า ส่วนทำเลที่ขายดีที่สุดคือ 1.เมืองระยอง 2.นิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น 3.หาดแม่รำพึง-บ้านเพ 4.บ้านฉาง-อู่ตะเภา 5.นิคมฯเหมราช ส่วนอาคารชุดในจังหวัดระยองที่ขายดี คือ ทำเลนิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น เมืองระยอง บ้านฉาง-อู่ตะเภา แกลง และทำเลนิคมฯเหมราช
ดร.วิชัยกล่าวว่า โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีจำนวน 66 โครงการ จำนวน 14,310 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาท มียูนิตเหลือขายรวม 5,107 ยูนิต มูลค่ารวม 13,729 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 63 โครงการ จำนวน 12,940 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 39,476 ล้านบาท มียูนิตเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 4,738 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 13,368 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 3 โครงการ มีจำนวน 1,370 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,308 ล้านบาท มียูนิตเหลือขาย 369 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 361 ล้านบาท ส่วนทำเลที่ขายดีที่สุดคือ 1.คลองหลวงแพ่ง 2.แปลงยาว 3.ทำเลในเมืองฉะเชิงเทรา 4.บางปะกง และ 5.บ้านโพธิ์
