คิดเห็นแชร์ : ฝรั่งเศสทำอย่างไรค่าไฟถูกที่สุดในยุโรป

ฝรั่งเศสเป็นประเทศใหญ่และมหาอำนาจทางวัฒนธรรม มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรปรองจากเยอรมนี แต่จะว่าเหมือน “แปลก…แต่จริง” ที่ประเทศนี้ค่าไฟฟ้าถูกที่สุดในทวีปยุโรป แม้ว่าข้าวของอื่นและค่าครองชีพอาจจะแพงหูฉี่ ผมว่าเพราะปัจจัย 3 ประการ คือ

1.มีโรงไฟฟ้าต้นทุนต่ำ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และพลังน้ำอยู่ในปริมาณมาก ที่ฝรั่งเศสมีโรงไฟฟ้า 2 ประเภทนี้อยู่ถึงเกือบ 70% แถมมีกำลังการผลิตส่วนเกินความต้องการใช้ในประเทศอีกด้วย

2.มีระบบสายส่งที่ลงทุนขยายไว้เพียบพร้อมและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และสเปน

3.มีกลไกตลาดค้าขายไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า “Trading Platform” ที่ทำให้เกิดการแข่งขันทั้งระดับภายในและระหว่างประเทศ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา

Advertisement

อธิบายเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นนะครับ ปัจจัยทั้ง 3 ประการนี้นอกจากทำให้ค่าไฟฟ้าในประเทศมีราคาไม่แพงแล้ว ยังทำให้ฝรั่งเศสได้ดุลทางการค้าขายพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนประเทศไทยจะลอกเลียนแบบได้ทั้งหมดหรือไม่ ผมว่าคงต้องฝากให้รัฐมนตรีพลังงานท่านใหม่จะดีกว่าครับ

ฝรั่งเศสถือเป็นประเทศศูนย์กลางของยุโรปมายาวนาน เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง และวัฒนธรรมโดยแท้ มีประชากรรวม 66.7 ล้านคน และมี GDP ขนาด 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นลำดับที่ 6 ของโลก ระบบไฟฟ้าของฝรั่งเศสปี 2558 มีกำลังการ ผลิตรวม 129,310 MW โดยมีระบบผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายเชื้อเพลิงดีพอสมควร มีไฟฟ้าต้นทุนที่ต่ำ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และพลังน้ำ มากถึง 88,551 MW หรือ 69.5% และมีไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ไม่น้อย คือ 18,206 MW หรือ 14.1% และมีโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพียง 22,553 MW หรือ 17.4%

การที่ระบบไฟฟ้าของประเทศมีสายส่งและสายจำหน่ายที่พัฒนามานาน มีการกระจายการเชื่อมโยงไปทั่วประเทศ ฝรั่งเศสสามารถเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ได้เพิ่มขึ้นและต่อเนื่อง ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีประเด็นเรื่อง ปัญหาคอขวด หรือปัญหา instability แบบที่เป็นข่าวโด่งดังในประเทศสเปน หรือออสเตรเลีย

Advertisement

นอกจากนี้ โครงข่ายสายส่งไฟฟ้าของฝรั่งเศสก็เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้าของ Europe Grid ทำให้มีการนำเข้า-ส่งออก จากไฟฟ้าได้ในปริมาณมากกับ 5 ประเทศเพื่อนบ้าน ในปี 2558 ฝรั่งเศสใช้ไฟฟ้าในประเทศรวม 550 เทร่า-วัตต์-ชั่วโมง (พันล้านหน่วย) แต่มีการผลิตเพื่อส่งออกไฟฟ้ามากถึง 91.3 เทร่า-วัตต์-ชั่วโมง หรือเกือบ 20% ของการใช้ไฟในประเทศและนำเข้าไฟฟ้ากลับคืนมาแค่ 29.6 เทร่า-วัตต์-ชั่วโมง ทำให้ได้ดุลการค้าไฟฟ้ากับทุกประเทศเพื่อนบ้าน

ต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศฝรั่งเศสต่ำมาก มาจากการที่มีระบบไฟฟ้าต้นทุนต่ำจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และพลังน้ำ แม้ว่าจะมีระบบภาษีที่หนาพอสมควร (เกือบ 1 ใน 3 ของโครงสร้างค่าไฟทั้งหมด) แต่ต้นทุนเฉลี่ยไฟฟ้าของฝรั่งเศส ก็อยู่เพียง 3.85 ยูโร-เซนต์ (€C) ต่อหน่วย หรือประมาณ 1.4 บาท/หน่วย ทำให้ราคาค่าไฟในระดับค้าส่งเฉลี่ยอยู่ที่ 4.23 ยูโร-เซนต์ (€C) ต่อหน่วย หรือประมาณ 1.5 บาท/หน่วย ถือว่าถูกที่สุด   ในยุโรป

ปัจจัยถัดมา คือ การจัดตั้ง “ตลาดกลางซื้อ-ขายไฟฟ้ายุโรป หรือ XBID” ทำให้เกิดการขยายตัวของระบบ “ตลาดกลาง” หรือ “Power Pool” ที่เดิมหลายประเทศใช้เฉพาะกับระบบในประเทศ เช่น ในสหราชอาณาจักร แต่มีบางกลุ่มประเทศ เช่น กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่มีระบบ Power Pool เพื่อกระตุ้นแข่งขันกันใน 4 ประเทศ ที่เรียกว่า “Nord Pool” ดังนั้น ตลาด XBID ซึ่งจัดตั้งโดยประชาคมเศรษฐกิจยุโรป หรือ EU ทำให้เกิดการค้าขายไฟฟ้าแบบข้ามพรมแดนใน 14 ประเทศของ EU โดยการค้าขายจะเป็นแบบ Sport Market หรือภาษาไฟฟ้า เรียกว่า Intraday Market

ระบบ XBID นอกจากจะส่งเสริมการแข่งขันแล้วยังเป็นกลไกช่วยในระบบไฟฟ้า สามารถรองรับไฟฟ้าต้นทุนต่ำที่เกิดจากส่วนเกินของกำลังการผลิตได้ด้วยทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาแบบ

ไฟฟ้าส่วนเกินมักจะมาจากพลังงานหมุนเวียนที่เวลาจะมาก็มาซะเยอะแยะ ดังเช่น พลังงานลม จะทำให้ราคาถูกมากถึงขั้นบางประเทศต้องส่งออกไฟฟ้าก้อนนี้ในราคาติดลบ หรือที่เรียกว่า “Negative Price” ซึ่งในยุโรปมีหลายประเทศที่บางช่วงเวลามีไฟฟ้าส่วนเกินเยอะมาก เช่น เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์

จากกลไกทั้ง 3 เรื่อง ทำให้ฝรั่งเศสสามารถจัดหาไฟด้วยราคาค่าไฟถูกมากที่สุดช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจอื่นๆ ลดต่ำลง…ผมว่าประเทศไทยน่าจะลองศึกษาในรายละเอียดดูนะ ครับ…น่าสนใจขอบอก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image