สวัสดีครับ คอลัมน์ “คิด เห็น แชร์” วันนี้ ผมจะขอหยิบบทวิเคราะห์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน ของฝ่ายวิจัยฯ บล.เคจีไอ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มาแชร์กันนะครับ โดยในภาพรวมสรุปแล้วฝ่ายวิจัยฯประเมินราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลง ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ แม้ว่าระยะสั้นอาจจะมีประเด็นเรื่องความขัดแย้งในตะวันออกกลางอยู่เป็นระยะๆ ก็ตาม
ตลาดน้ำมันดิบ: ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 4% WoW เหลือ US$60.6/bbl เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สามอีก 100KBD WoW เป็น 12.4 MBD ทำสถิติสูงสุดใหม่ นอกจากนี้ เรามองว่าอาจจะยากที่รัสเซียจะสนับสนุนการที่ OPEC จะขยายเวลาลดการผลิตออกไปอีก หลังจากที่ CEO ของ Rosneft ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของรัสเซีย ตั้งคำถามว่า ทำไมรัสเซียถึงต้องลดการผลิตน้ำมันลงเพื่อให้สหรัฐเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ และชิงส่วนแบ่งตลาดของรัสเซียไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียเพิ่งเปิดเผยว่าสมาชิกกลุ่ม OPEC เกือบเห็นพ้องทั้งหมดที่จะขยายเวลานโยบายลดการผลิตลง จากเดิมที่จะหมดอายุสิ้นเดือนมิถุนายน ในขณะเดียวกัน OPEC ก็จะสรุปมาตรการที่จะสนับสนุนราคาน้ำมันดิบใน 2H62 ในการประชุมอย่างเป็นทางการวันที่ 26 มิถุนายน แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบใน 2H62 จะลดลง HoH จาก 1H62 เนื่องจากท่อส่งน้ำมันดิบเส้นใหม่ของสหรัฐจะเริ่มเปิดดำเนินการใน 3Q62 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบจากสหรัฐเข้ามาในตลาดโลกมากขึ้น
ตลาดโรงกลั่น : ยังไม่มีสัญญาณว่า spread น้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่า GRM ในตลาดสิงคโปร์ฟื้นตัวขึ้น 6% WoW เป็น US$3.0/bbl เนื่องจาก spread น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น แต่ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ US$5.3/bbl ทั้งนี้ spread น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น WoW จาก -US$2.7/bbl เป็น US$0.3/bbl แต่ spread น้ำมันเบนซินลดลงถึง 10% WoW เหลือแค่ US$5.3/bbl ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก (ต่ำกว่า US$12/bbl) เนื่องจากอุปทานน้ำมันเบนซินในตลาดอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ spread น้ำมันดีเซลก็ลดลง 4% WoW เหลือ US$12.4/bbl ทั้งนี้เรายังคงเชื่อว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H62 จากอานิสงส์ของนโยบาย IMO ที่กำหนดให้อุตสาหกรรมเดินเรือใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำในปี 2563 ทั้งนี้ GRM ในตลาดสิงคโปร์ใน 2QTD62 อยู่ที่ US$3.0/bbl ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยใน 1Q62 ถึง 25%
ตลาดถ่านหิน: ดัชนีราคาถ่านหิน Newcastle Export Index (NEX) ลดลง 9% WoW เหลือ US$73/ton ตามปกติแล้ว ซึ่งอุปสงค์ถ่านหินที่ขนส่งทางทะเลจะไม่สูงมากนักในไตรมาสที่สองของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่อยู่ระหว่างช่วง peak ของอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าในฤดูหนาวและฤดูร้อน ทั้งนี้ดัชนีราคาถ่านหิน NEX ใน 2QTD62 อยู่ที่ US$83/ton ลดลง 14% จากค่าเฉลี่ยใน 1Q62
ก่อนจะจบบทความ “คิด เห็น แชร์” วันนี้ ขอกลับเข้าสู่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสักนิดนะครับ จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงแล้ว -14% QTD ส่งผลให้ความหวังเรื่องกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่อาจจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากต่อดัชนี SET index เริ่มที่จะเลือนราง และอาจพลิกกลับเป็นขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันได้เช่นกัน ทำให้ความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์จะทำการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้สูงขึ้นเช่นกัน และอาจทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยกลับมาแพง (อัตราส่วน P/E สูงขึ้น เนื่องจากประมาณการ EPS ลดลง)
แต่ด้วยแนวโน้มเม็ดเงิน Fund flow ที่ยังไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่อเนื่อง จากความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟดภายในปีนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียและรวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น (เทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ) หนุนเม็ดเงิน Fund flow และเป็นปัจจัยหนุนดัชนี SET index ในขณะนี้ ดังนั้นสำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ควรหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงาน และเน้นไปที่หุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เช่น หุ้นกลุ่มอสังหาฯ, หุ้นกลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง, หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ, หุ้นกลุ่มนิคมฯ, และหุ้นกลุ่มสื่อ เป็นต้น