รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานภาพรวมยอดขายรถจักรยานยนต์ ปี 2562 คาดการณ์ว่าตลาดรวมจะติดลบประมาณ 2% อยู่ที่ 1,755,000 คัน จากปี 2561 อยู่ที่ 1,788,323 คัน โดยนอกเหนือจากที่ตลาดรถจักรยานยนต์อยู่ในภาวะอิ่มตัวแล้ว ปัจจัยที่มีผลกระทบหลักในปี 2562 คือ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงจากประเด็นสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และจากสถานการณ์แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรหลักของไทยที่ปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวจากปีก่อน ทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม และอ้อย จากปัญหาอุปทานล้นตลาดโลกส่งผลโดยตรงต่อรายได้ผู้บริโภคระดับฐานราก ได้แก่ เกษตรกร รวมถึงแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดรถจักรยานยนต์ไทย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องการอนุมัติปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นของสถาบันการเงินจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ทำให้ในปี 2562 นี้ ยอดขายรถจักรยานยนต์มีโอกาสติดลบลง
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กเครื่องยนต์ไม่เกิน 125 ซีซี ราคาขายเฉลี่ย 50,000 บาท สำหรับเจาะตลาดผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดกว่า80% มีแนวโน้มที่จะติดลบลงต่อเนื่องในปีนี้และเป็นการติดลบสูงสุดในทุกตลาดกว่า 4% หรือยอดขายประมาณ 1,368,000 คัน ส่วนรถจักรยานยนต์ขนาดกลางเครื่องยนต์ระหว่าง 126 ถึง 250 ซีซี ราคาขายเฉลี่ย 90,000 บาท และมีส่วนแบ่งตลาด 17% เจาะตลาดกลุ่มคนทำงานที่มีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง น่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 315,000 คัน ขยายตัวขึ้น 7% จากปีก่อน ส่วนตลาดบิ๊กไบค์ ขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 250 ซีซี ราคาขายมีหลายระดับตั้งแต่ 150,000 ถึงมากกว่า 1,000,000 บาท แม้จะมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 3% แต่เป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีศักยภาพซื้อสำหรับตอบสนองการทำกิจกรรมต่างๆ และผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อย รวมถึงมีการเปิดตัว รุ่นใหม่ๆหลังมีการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้มีโอกาสทำยอดขายได้ประมาณ 72,000 คัน เพิ่มขึ้น 14%จากปีที่ผ่านมา
