การทำวิจัยและพัฒนา หรือ R&D (อาร์แอนด์ดี) เป็นเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ มันนี่ทิปมีคำแนะนำจาก กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ รองผู้อำนวยการ สายงานโกลบอล บิซิเนส ดีเวลอปเม้นท์ แอนด์ สตาร์ติจี มาฝากกันค่ะ
สำหรับการเริ่มต้นทำอาร์แอนด์ดี ควรเริ่มต้นจาก การหาปัญหากวนใจในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค (Pain Point) จะทำให้เห็นโอกาสเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าใหม่และนวัตกรรมใหม่ ซึ่ง
ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด สามารถนำนวัตกรรมและงานวิจัยที่มีอยู่มาต่อยอดได้ เหมาะกับธุรกิจเอสเอ็มอี
ผลการสำรวจของธนาคารกรุงไทยพบว่า เอสเอ็มอีในไทยมีอยู่กว่า 3 ล้านราย แต่มีเอสเอ็มอีเพียง 0.2% หรือราว 6 พันรายเท่านั้นที่มีการทำอาร์แอนด์ดี ซึ่งปัญหาหลักเกิดจากขาดบุคลากรที่มีทักษะเหมาะสม และเครื่องมือ รองลงมาขาดข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรืองานวิจัยใหม่ๆ และมีต้นทุนสูง อย่างไรก็ตามหากเทียบปัญหาด้านต้นทุนถือว่าสัดส่วนน้อยกว่าปัญหาด้านบุคลากรและเทคโนโลยี
ด้านบุคลากรและเครื่องมือ ผู้ประกอบการสามารถเข้ารับความช่วยเหลือจากศูนย์วิจัยของสถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัยเฉพาะอุตสาหกรรม และศูนย์วิจัยจากหน่วยงานภายใต้การดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เช่น สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยการสนับสนุนมี 4 ระดับ ได้แก่ ให้คำปรึกษาเบื้องต้น ให้ใช้เครื่องมือ ทีมวิจัย หรือสถานที่ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเป็นพี่เลี้ยงช่วยพัฒนาสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากนี้ ยังสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรืองานวิจัยใหม่ๆทางออนไลน์ ที่ www.thailandtechshow.com ที่รวบรวมผลงานวิจัยจาก สวทช. นำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ ขณะที่ปัญหาต้นทุนที่สูง มีหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน ที่พร้อมสนับสนุนเงินทุนให้เปล่า และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เช่น โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของสวทช. วงเงินกู้สูงสุด 30 ล้านบาท โครงการนวัตกรรมดี ไม่มีดอกเบี้ย ของธนาคารกรุงไทย วงเงินกู้สูงสุด 40 ล้านบาท เป็นต้น
การทำอาร์แอนด์ดี นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่าง จะช่วยสร้างรายได้และผลตอบแทนให้เพิ่มได้ 6-23% ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสอยู่รอดของธุรกิจได้ถึง 7-15% อย่ามัวแต่คิด ควรเริ่มตั้งแต่ลงมือ…เริ่มวันนี้ยังไม่สายนะคะ
