| ผู้เขียน | ภคพร บุญมี |
|---|
ประเด็นร้อนของวงการปศุสัตว์ในอาเซียน รวมถึงประเทศไทยตอนนี้ ต้องยกให้การระบาดของ “โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร” แม้ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนของไทยต่างออกมายืนยันว่าประเทศไทยยังปลอดภัยและให้สบายใจว่าไทยมีการป้องกันอย่างดีตั้งแต่ต้นทาง
จนเมื่อประเทศชายแดนติดไทย อย่างประเทศลาว กระทรวงเกษตรและป่าไม้ประเทศของลาว ได้ออกประกาศเตือนและยืนยันเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ณ เมือง ตุ้มลาน แขวงสาละวัน ประเทศลาว
ทำให้เกิดความกังวลว่าการระบาดจะแพร่มาถึงประเทศไทย กรมปศุสัตว์จึงออกประกาศสั่งชะลอการนำเข้าหรือนำผ่านเข้าราชอาณาจักรไทย ทั้งสุกร หมูป่า หรือซากสุกร ซากหมูป่า จากลาว และบังคับห้ามต่อเนื่อง 90 วัน นับจากวันที่ 21 มิถุนายน หวังลดความเสี่ยงที่เชื้ออาจแพร่กระจายตามขอบชายแดนได้ ทั้งทางการไทยสั่งให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังสูงสุด นำเอาคำแนะนำที่แจ้งในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด เข้มงวดในระบบการป้องกันโรค โดยเน้นว่าต้องรู้แหล่งที่มาของหมู และห้ามคนนอกเข้าออกฟาร์ม
ผู้บริโภคอย่างเราก็ต้องรู้ว่า โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนและยารักษาที่จำเพาะ แม้ไม่ติดต่อสู่คน แต่จะก่อความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ซึ่งการสั่งห้ามนำเข้ารวมถึงผลิตภัณฑ์หมูจากประเทศที่มีเชื้อแพร่ระบาด อาทิ กุนเชียง เนื้อหมูหมักเกลือ และแฮมทุกชนิด เป็นต้น
โดยสถานการณ์ล่าสุด จากการตรวจหมูในลาวพบการป่วยและการตายจำนวนอย่างละเท่าๆ กันทุกฟาร์ม ในฟาร์มพบว่าจำนวนหมูป่วยครึ่งหนึ่งและหมูตายครึ่งหนึ่ง และจุดเกิดการระบาดระยะทางห่างจากชายแดน จ.อุบลราชธานี เพียง 170 กิโลเมตร จึงเกิดความน่าเป็นห่วงกับพื้นที่การเลี้ยงสุกรในภาคอีสาน ทางกรมจึงขอให้ทุกหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ผนึกกำลังเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดอย่างเข้มงวด
แม้ที่ผ่านมาไทยไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้ และมีการเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคอย่างดี แต่ที่สำคัญต้องทำเชิงรุกต่อการออกมาประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจทั้งกลุ่มเกษตรกร ลูกค้านำเข้าหมูจากไทย และผู้บริโภค เพราะหากเกิดแค่ข่าวลือก็เหมือนเชื้อโรคที่จะแพร่กระจายและสร้างความเสียหายทั้งอุตสาหกรรมได้ไม่ยาก
เหมือนช่วงที่เกิดความวิตกต่อการเกิดโรคระบาดของเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ลุกลามเป็นไฟทุ่งไม่กระทบแค่อุตสาหกรรมสัตว์ปีกและไก่ แต่กระทบต่อทุกเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลก
